‘พิชัย’ ชี้หุ้นไทยร่วงน้อย สะท้อนเชื่อมั่นแผนรับมือภาษีทรัมป์

“พิชัย” ชี้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าหลายประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อแผนรับมือของรัฐบาล
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงหลังสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 36% แต่ถือว่าเป็นการปรับตัวลงในระดับที่น้อยมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและมาตรการรับมือของรัฐบาล
นายพิชัย กล่าวว่า การปรับตัวลงของดัชนีหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดทุนทั่วโลก หลังจากที่ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแบบฐานขั้นต่ำ 10% จากทุกประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบและถูกเก็บภาษีในอัตรา 36%
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีความเชื่อมโยงทางการค้ากับสหรัฐสูง เช่น ญี่ปุ่น พบว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในระดับที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
"ดัชนีหุ้นไทยตกก็จริง แต่เมื่อเทียบกับประเทศที่ได้เปรียบการส่งออกแล้ว ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้าใจได้ แสดงว่าพื้นฐานนักลงทุนมีความเข้าใจ คงคิดว่าผลกระทบไม่มาก เพราะคิดว่าด้วยเงื่อนไขว่ารัฐบาลมีแผนที่รับมือบางอย่างแล้ว" นายพิชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายสถาบันเศรษฐกิจปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2568 ลงมาต่ำกว่า 2% นั้น นายพิชัยกล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ เนื่องจากผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรครั้งนี้ค่อนข้างมากและมีความซับซ้อน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือแต่ละประเทศจะสามารถตั้งรับและบริหารจัดการผลกระทบเหล่านี้ได้มากน้อยเพียงใด
นายพิชัย ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐ แต่จะมุ่งเน้นการเจรจาอย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความร่วมมือและความเข้าใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก การรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีในระยะยาวจึงมีความสำคัญมากกว่าการตอบโต้ในระยะสั้น
"เราต้องเข้าใจว่าโลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น การที่ GDP ไทย จะชะลอลงจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยู่ที่ว่าเราจะบริหารจัดการผลกระทบเหล่านี้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลจะทำคือการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การตอบโต้ เพราะไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก และการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าในระยะยาวสำคัญกว่า" นายพิชัย กล่าว







