หอการค้าไทย จี้ รัฐเร่งสร้างระบบเตือนภัยพิบัติ หลังแผ่นดินไหว

หอการค้าไทย จี้ รัฐเร่งสร้างระบบเตือนภัยพิบัติ หลังแผ่นดินไหว

หอการค้าไทย จี้ทำระบบเตือนภัยเร่งด่วน หลังเกิดแผ่นดินไหว สร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา ยังมั่นใจไม่กระทบรท่องเที่ยว ส่วนความเสียหายทางเศรษฐกิจเร็วไปที่จะประเมิน

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาและกระทบมายังหลายพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กรณีแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ทางหอการค้าไทย ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถเดินหน้าต่อได้ หากมีการบริหารจัดการร่วมกันอย่างเต็มที่จากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว โปร่งใส และการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องออกสู่สังคม

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน จึงเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น และระบบเตือนภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและอันดับแรกที่จะต้องเร่งดำเนินการ

รวมไปถึงการสร้างศูนย์กลางเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับสังคมทั้งในประเทศและทั่วโลก มีความเข้าใจเพื่อป้องกันความ เข้าใจผิด และให้ทุกภาคส่วนยังคงมีความเชื่อมั่น เพราะจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีความเข้าใจอยู่แล้วในเหตุแผ่นดินไหว

“ต้องยอมรับว่าภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์และประเมินล่วงหน้าได้ แต่สิ่งที่จะต้องเร่งและสร้างมาตรฐาน คือ การทำระบบแจ้งเตือนภัย ต้องให้มีความรวดเร็ว เพื่อที่ให้ประชาชนได้รับรู้และมีการเตรียมรับมือ”นายพจน์  กล่าว

สำหรับมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน โดยภาคการผลิตยังไม่มีผลกระทบ รวมไปถึงภาคของการส่งออก ยังมองว่าเป็นทิศทางที่ดี ส่วนการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ไม่น่าจะมีปัญหาแต่จำเป็นจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็วที่สุด 

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจจะโตที่ระดับ 3% ได้ รัฐบาลต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ด้านส่งออก เชื่อว่าเดือนมี.ค. นี้อาจโตต่อเนื่อง แต่อาจโตลดลงจากสองเดือนก่อนหน้าเหลือตัวเลขเดียว โดยประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ก็ต้องจับตาสินค้าเกษตรและอาหาร ทั้งนี้ ในอีกแง่มุมหนึ่งมองว่า อาจเป็นโอกาสให้ไทยส่งออกสินค้าได้มากขึ้น จากการเป็นฐานการผลิตได้

ในส่วนเรื่องการบริโภค ต้องยอมรับว่าหนี้ครัวเรือนไทยยังสูง หน่วยงานภาคการเงินต้องเข้าไปช่วยลดภาระดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน การสร้างอาชีพหรือสร้างรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องค่าแรง ตราบใดที่มีความสมดุลภายใต้กรอบไตรภาคี ในกรอบกฎหมายก็ปรับขึ้นได้ อย่างไรก็ดี มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าเพิ่มค่าแรงมาก ๆ ก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการ

 

นายพจน์ กล่าวว่า หอการค้าไทย ขอเสนอแนวทางต่อภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้การจัดการด้านความปลอดภัยต่อระบบภัยพิบัติ  รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ มี 8 ข้อ อาทิ  เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในตึกอาคารอย่างรวดเร็วที่สุด โดยร่วมมือกับหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศ

รวมทั้งดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อเป็นแบบอย่างในการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต  ขอตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ทั้งสำนักงาน โรงงาน อาคารสูง และสิ่งปลูกสร้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย รวมถึงสอบหาข้อเท็จจริงถึงปัญหาที่เกิดเหตุขึ้น   ฟื้นฟูผู้ประกอบการรายย่อย SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ

รวมถึงการประสานผู้ประกอบการด้านก่อสร้างและวัสดุ เพื่อซ่อมแซมอาคารและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ ราคาประหยัด อันจะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และรัฐบาลควรมีหน่วยงานกลางที่จะเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารให้ทันเวลา โปร่งใส อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ที่เป็นจริงให้กับสาธารณชนและต่างประเทศได้รับทราบ เป็นต้น

โดยหอการค้าไทยกำลังดำเนินการจัดตั้งศูนย์ช่วยแก้ไขปัญหาการช่วยเหลือ SMEs และสมาชิก อาทิ การช่วยเหลือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับผลกระทบ หรือมาตรการสินเชื่อ เพื่อแก้ไขผลกระทบดังกล่าว