ราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน สงครามการค้าลุกลาม

ราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน สงครามการค้าลุกลาม

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี ขณะนักลงทุนประเมินอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัว มาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพฤหัสบดี ( 27 มี.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 24 เซ็นต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 74.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 27 เซ็นต์ ปิดที่ 69.92 ดอลลาร์

เมื่อวันพุธ ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

นักลงทุนในตลาดกำลังพิจารณาความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยแผนเมื่อวันพุธที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ขณะที่ภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคม

“อุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับน้ำมันในขณะนี้คือความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้า ซึ่งภาษีนำเข้าอาจทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของโบรกเกอร์ Price Futures Group กล่าว

เมื่อวันอังคารทรัมป์ได้กำหนดมาตรการภาษีนำเข้า 25% กับประเทศผู้ซื้อน้ำมันของเวเนซูเอลา

แหล่งข่าวเปิดเผยเมื่อวันพุธว่าบริษัท Reliance Industries ของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา หลังจากมีการประกาศมาตรการภาษีดังกล่าว

ซูฟโร ซาร์การ์ หัวหน้าทีมพลังงานของธนาคาร DBS กล่าวว่าธนาคารไม่คาดว่าราคาน้ำมันจะกลับสู่ระดับสูงเท่ากับในช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ และแนวโน้มของสงครามภาษีที่ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ข้อมูลคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่าอุปทานของสหรัฐฯ ตึงตัวขึ้น โดยคลังสำรองน้ำมันดิบลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 956,000 บาร์เรล

ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นคำร้องขอสวัสดิการว่างงานลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว