กพท.เร่งทำมาสเตอร์แพลน ดันธุรกิจ MRO 'สุวรรณภูมิ' 700 ไร่

กพท. ดันธุรกิจ MRO ปักธงสร้าง “สุวรรณภูมิ” พื้นที่ 700 ไร่ พร้อมเดินเครื่องศึกษากฎหมาย ปรับลดสัดส่วนลงทุนสายการบินสัญชาติไทย หนุนผู้ประกอบการรายใหม่
KEY
POINTS
- กพท.กางแผนผลักดันธุรกิจ MRO ในไทยสู่ศูนย์กลางภูมิภาค เตรียมจัดทำมาสเตอร์แพลนรองรับทั้งการซ่อมเล็ก - กลาง - ใหญ่
- ปักธงสร้าง “สุวรรณภูมิ” พื้นที่ 700 ไร่ และสนับสนุนโปรเจ็กต์ “อู่ตะเภา” เร่งลงทุน
- พร้อมเดินเครื่องศึกษากฎหมาย ปรับลดสัดส่วนลงทุนสายการบินสัญชาติไทย ให้เป็นแบบขั้นบันได หวังแจ้งเกิดผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจคาร์โก้
พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยถึงนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ผอ.กพท. โดยระบุว่า ตนมีเป้าหมายจะส่งเสริม MRO ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ท่าอากาศยานของไทย เพื่อรองรับการให้บริการสายการบินที่เข้ามาใช้บริการท่าอากาศยาน สามารถตรวจเช็คหรือซ่อมบำรุงอากาศยานได้ทันที
โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปัจจุบันถือเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศและมีสายการบินเข้ามาใช้บริการแต่ละวันจำนวนมาก แต่พบว่ายังไม่มีศูนย์ซ่อมอากาศยานเพื่อให้บริการ ดังนั้น กพท.ต้องการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาธุรกิจนี้ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้ กพท. อยู่ระหว่างจัดทำแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานไทย ประมาณ 1 ปี เบื้องต้นประกอบด้วย การส่งเสริมการซ่อมบำรุงขนาดเล็ก ขนาดกลาง และการยกเครื่อง โดยจะใช้พื้นที่ในเขตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้านทิศใต้ ประมาณ 700 ไร่ พัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงขนาดเล็ก และขนาดกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกสายการบินต่างๆ ที่ต้องการเข้ามาตรวจเช็กเบื้องต้น
นอกจากนี้ จะพัฒนาเพื่อรองรับให้เป็นแหล่งฝึกอบรมทุกมิติเกี่ยวกับการบิน อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการฝึกบินจำลองสำหรับวิศวกรรมการบิน ศูนย์ฝึกช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการดึงให้สายการบินจากทั่วโลกมาใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเป็นฮับการบินที่ครบครันในทุกบริการ
ส่วนที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จากแผนพัฒนาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จะดำเนินการพัฒนาเพื่อรองรับการซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ ซึ่ง กพท.จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาโครงการดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากอุตสาหกรรม MRO จะช่วยลดการสูญเสียรายได้ในการส่งอากาศยานไปซ่อมบำรุงที่ต่างประเทศ และยังดึงดูดผู้ประกอบการทั้งใน และต่างประเทศให้เข้ามาร่วมลงทุน
พล.อ.อ.มนัท กล่าวด้วยว่า กพท. ยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo) ให้เกิดผู้ประกอบการไทยใหม่ๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง โดยปัจจุบันพบว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศสัญชาติไทยยังมีจำนวนน้อย กพท. จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ๆ เติบโตในธุรกิจนี้ได้ เริ่มด้วยการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง
โดยจากเดิมที่มีข้อกำหนดว่าต้องมีคนไทยถือหุ้น ร้อยละ 51 จะศึกษาปรับสัดส่วนการลงทุนผู้ประกอบการไทยให้เป็นลักษณะขั้นบันได เพื่อให้ผู้ประกอบการมีโอกาสในการรวบรวมทุน และค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนเงินทุน จนเติบโตเป็นสายการบินขนส่งสินค้าสัญชาติไทยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหากยังคงข้อกำหนดสัดส่วนแบบเดิม เชื่อว่าคงเกิดยาก เบื้องต้นเริ่มแรกอาจปรับเป็นสัดส่วนคนไทยถือหุ้น 20% และให้เวลา 5 ปี ต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในลักษณะซื้อหุ้นเพิ่มทุน จนในที่สุดต้องปรับเพิ่มสัดส่วนเป็น 100% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำการศึกษาข้อกำหนดดังกล่าว
“ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ เป็นธุรกิจที่ดำเนินการได้ทั้งขาเข้าและขาออก เราต้องทำให้การขนส่งสินค้าทั่วโลกมามีจุดเปลี่ยนหรือขนถ่ายสินค้าที่สุวรรณภูมิ ถ้าทำได้ตรงนี้จะกลายเป็นฮับ เกิดนิเวศเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอน เกิดการทำงานแบบ 24/7 (ทำงานตลอดเวลา) เพราะเครื่องบินที่ขึ้นขึ้น-ลง ต้องการความรวดเร็ว”







