'จุลพันธ์' ชี้เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ เพิ่มรายได้ท่องเที่ยว 5 - 10%

“จุลพันธ์” มั่นใจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตัวเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจไทย เตรียมดันร่างกฎหมายฉบับแก้ไข ครม.ก่อนส่งเข้าสภาฯ ตั้ง กมธ.ศึกษา ชี้นักท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวโต
KEY
POINTS
- “จุลพันธ์” มั่นใจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตัวเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจไทย
- เตรียมดันร่างกฎหมายฉบับแก้ไขเข้า ครม.ก่อนส่งเข้าสภาฯ ตั้ง กมธ.ศึกษา
- ชี้ภารกิจแรกบอร์ดนโยบายที่นายกฯ เป็นประธานศึกษาความคุ้มค่าโครงการ
- มั่นใจดันรายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 5-10%
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวในงานเสวนากรุงเทพธุรกิจ Roundtable หัวข้อ Entertainment Complex Game Changer for Thailand วันนี้ (19 มี.ค.68) ว่าในเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลมีการขับเคลื่อนร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ...มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการศึกษาเรื่องนี้ในคณะทำงานของสภาผู้แทนราษฎรมากว่า 2 ปี และได้นำเสนอร่างกฎหมายมายัง ครม.เพื่อนำเอากฎหมายที่มีการยกร่างมาปรับปรุงให้สมบูรณ์ โดยล่าสุดนั้นได้มีการปรับปรุงร่างกฎหมายร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีการปรับปรุงร่างกฎหมายให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยอยู่ในขั้นตอนการนำเอาร่างกฎหมายที่มีการปรับปรุงแล้วกลับมาสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้งในเร็วๆ นี้
จากนั้นจะมีการส่งเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อพิจารณาในวาระที่ 1 เพื่อให้มีการตั้งกรรมาธิการในการศึกษา และปรับปรุงกฎหมายโดยรัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังข้อกฎหมายจากทุกภาคส่วนเพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ที่สุด
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเติบโตเฉลี่ยแค่ 2% เท่านั้น รัฐบาลเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับนี้ไม่เพียงพอ เพราะเมื่อเศรษฐกิจโตต่ำทุกคนก็จะลำบากรัฐบาลจึงต้องหาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยในเรื่องของการผลักดันนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจใหม่ที่ได้ผลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ ดูไบ สหรัฐ และญี่ปุ่น ที่กำลังจะสร้างขึ้นมาที่โอซากา ซึ่งแนวทางของนโยบายนี้ก็ตรงกับที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายไว้ในเรื่องของการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น (man made destination) โดยรูปแบบที่วางไว้ไม่ได้เป็นโมเดลเหมือนกับบางประเทศในอาเซียนที่มีแค่ตึกที่เป็นกาสิโนซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่ประเทศไทย ได้มีการกำหนดกฎหมายว่าในการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งต้องมีกาสิโนในพื้นที่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ ส่วนที่เหลือต้องมีการสร้างกิจการอื่นๆ อีกอย่างน้อย 4 อย่างในพื้นที่เดียวกันโดยคาดหวังเงินลงทุนระดับ 1 แสนล้านบาทต่อแห่ง โดยเลือกกิจการจากบัญชีแนบท้ายที่มาลงทุนเพิ่ม เช่น การสร้างสวนสนุกระดับโลก สนามกีฬาขนาดใหญ่ คอนเสิร์ตฮอลล์ โรงแรมขนาดใหญ่ หรือร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งจะตอบโจทย์เรื่องการสร้างเศรษฐกิจ จ้างงาน และพัฒนาพื้นที่ ที่เป็นโซนการใช้เวลาร่วมกันของคนในครอบครัว
ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาพื้นที่ในลักษณะนี้จะมีการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากนักท่องเที่ยวมากขึ้น เหมือนกับที่สิงคโปร์ประสบผลสำเร็จสามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวได้ 5-25% หลังจากสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนของไทยหวังว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 40,000 บาทเป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริป ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 5-10%
สำหรับการกำกับดูแลซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสำคัญตาม พ.ร.บ.ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการใน 2 ระดับได้แก่ คณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายโดยคณะกรรมการนโยบายจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งเท่ากับว่าเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบสูงสุดที่จะต้องขับเคลื่อนให้มีความรอบคอบ โปร่งใส ไม่มีปัญหาเรื่องการคอร์รัปชัน การลงทุนจะไม่มีทุนสีเทาเข้ามาต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และเกณฑ์ในการลงทุนที่กำหนดไว้ว่าจะมีการกำหนดให้ลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาทก็จะต้องมีการดูกลุ่มลงทุนที่จะเข้ามาที่มีการตรวจสอบได้
“ในการกำกับดูแลเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย หมายความว่าการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ต้องมีความโปร่งใส และไม่มีการคอร์รัปชัน ผู้รับใบอนุญาตก็ต้องมีมาตรฐานระดับโลกกำกับดูแล ไม่ใช่เป็นทุนสีเทาที่จะเข้ามาหาประโยชน์ เรื่องนี้ต้องรัดกุม รอบคอบมากที่สุด”
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากขั้นตอนทางกฎหมายการที่จะตัดสินใจว่าประเทศไทยจะมีการลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ นอกจากการทำกฎหมายในรัฐสภา 3 วาระ ยังต้องรอดูผลการศึกษาของคณะกรรมการที่เป็นงานแรกๆ ของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรที่จะจัดตั้งขึ้นคือ การประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนที่แท้จริงซึ่งต้องดูว่าผลในการศึกษานั้นคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ต้องดูผลการประเมินหากไม่คุ้มค่าก็คงไม่มีการลงทุน แต่หากมีความคุ้มค่าก็มั่นใจว่ากลุ่มทุนระดับโลกจะเข้ามาลงทุนในไทยโดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์