ราคาน้ำมันดิบ สูงขึ้น ทรัมป์ขู่อิหร่านรับผิดชอบหากฮูตีโจมตีอีก

ราคาน้ำมันดิบ สูงขึ้น ทรัมป์ขู่อิหร่านรับผิดชอบหากฮูตีโจมตีอีก

ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่อิหร่านต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีเรือเดินทะเลเชิงพาณิชย์ในทะเลแดงของกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน

รอยเตอร์ส รายงานภาวะ ตลาดน้ำมันดิบโลก วันจันทร์(17มี.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้า (ราคาน้ำมันดิบ WTI) เพิ่มขึ้น 40 เซ็นต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 67.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้าซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของโลก เพิ่มขึ้น 49 เซ็นต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 71.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐจะถือว่าอิหร่าน ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปก มีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในอนาคตของกลุ่มฮูตีซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในเยเมนที่โจมตีเรือเดินทะเลเชิงพาณิชย์ในทะเลแดงและอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ

“นับจากนี้เป็นต้นไป การโจมตีทุกครั้งของกลุ่มฮูตีจะถูกมองว่าเป็นการยิงจากอาวุธและจากการชี้นำของอิหร่าน” ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social “อิหร่านจะต้องรับผิดชอบและต้องรับผลที่ตามมา และผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก!”

คำขู่ของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ต่อกลุ่มฮูตีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปฏิบัติการของสหรัฐจะดำเนินต่อไปจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายจะหยุดโจมตี

“ปฏิบัติการนี้เกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือและการฟื้นฟูมาตรการยับยั้ง” เฮกเซธกล่าวกับรายการ “Sunday Morning Futures” ของทีวีฟ็อกนิวส์ “ทันทีที่กลุ่มฮูตีกล่าวว่าเราจะหยุดยิงเรือของคุณ เราจะหยุดยิงโดรนของคุณ ปฏิบัติการนี้ก็จะสิ้นสุดลง แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ปฏิบัติการนี้จะไม่มีวันลดละ”

กลุ่มฮูตีเริ่มโจมตีเรือเดินทะเลเชิงพาณิชย์ที่แล่นผ่านทะเลแดงในช่วงปลายปี 2023 เพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส หลังจากกลุ่มก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์เปิดฉากโจมตีอิสราเอลตอนใต้แบบกะทันหัน และอิสราเอลตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางบกและทางอากาศในฉนวนกาซา ทั้งกลุ่มฮูตีและฮามาสต่างก็เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน

 

การโจมตีด้วยขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีทำให้บริษัทขนส่งระหว่างประเทศต้องเปลี่ยนเส้นทางเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่ปกติจะแล่นผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซ

ทรัมป์ได้กลับมาใช้แคมเปญ “กดดันสูงสุด” ต่ออิหร่านอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อกดดันการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้ลดลง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่าเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์คือการทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านพังทลาย

ทำเนียบขาวเชื่อว่าอิหร่านกำลังพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า “ทางเลือกทั้งหมดวางอยู่บนโต๊ะ” เพื่อให้แน่ใจว่าอิหร่านจะไม่ครอบครองระเบิดนิวเคลียร์

“เราไม่สามารถมีสถานการณ์ที่จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลางได้” วอลซ์กล่าวในรายการ “This Week” ของทีวีเอบีซี

ทรัมป์กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่าเขาต้องการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ในปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เจรจาโดยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เรียกว่า แผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม