ทรัมป์ ขู่ คว่ำบาตรรัสเซีย รอบใหม่ ดึง ราคาน้ำมันดิบ ขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐขู่ว่าจะ คว่ำบาตรรัสเซีย หากรัสเซียไม่ยอมตกลงหยุดยิงกับยูเครน
รอยเตอร์ส รายงาน ตลาดน้ำมันดิบโลก วันศุกร์ (7 มี.ค.) ว่า
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% สู่ระดับ 70.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐ (ราคาน้ำมันดิบ WTI) เพิ่มขึ้น 68 เซ็นต์ หรือ 1.02% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นในวันศุกร์ แต่ลดลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐขู่ว่าจะ คว่ำบาตรรัสเซีย หากรัสเซียไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครนได้
ทรัมป์ ระบุในโพสต์บนเว็บไซต์ Truth Social ว่าเขากำลัง "พิจารณาอย่างจริงจัง" ที่จะคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียและเก็บภาษีสินค้ารัสเซีย เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียยังคงโจมตียูเครนต่อเนื่องไม่ยอมหยุด
ในช่วงเช้า ราคาน้ำมันเบรนท์ พุ่งสูงถึง 71.40 ดอลลาร์ ขณะที่ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งแตะระดับ 68.22 ดอลลาร์ หลังจากรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ โนวัค กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกพลัสจะเดินหน้าเพิ่มการผลิตในเดือนเมษายน แต่หลังจากนั้นอาจพิจารณามาตรการอื่นๆ รวมถึงการลดการผลิต
“หากคุณไม่ชอบ ราคาน้ำมัน รอสักครู่ก่อน” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของโบรกเกอร์ Price Futures Group กล่าว
ฟลินน์กล่าวว่าราคาน้ำมันเคลื่อนไหวเพราะข่าวกลุ่มโอเปกพลัส และการคว่ำบาตรรัสเซียที่อาจเกิดขึ้น ข่าวดังกล่าวกลบข่าวอื่นๆรวมถึงข่าวความล่าช้าในการเจรจาสันติภาพในอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่พยายามหาข้อตกลงหยุดยิงถาวร
“ผมคิดว่าข่าวเกี่ยวกับรัสเซียทำให้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก” ฟลินน์กล่าว “มีแต่ข่าวจากรัสเซีย รัสเซีย และรัสเซีย”
ด้านแฮร์รี ทชิลิงกิเรียน จากกลุ่มการเงิน Onyx Capital Group กล่าวว่า “คำเตือนของนายโนวัค เป็นการย้ำเงื่อนไขของโอเปกพลัส ที่เกี่ยวข้องกับ ‘สภาวะตลาด’ เงื่อนไขเหล่านี้จะกำหนดว่า โอเปกพลัส จะปฏิบัติตามแผนในการยุติการลดการผลิตโดยสมัครใจหรือไม่”
ในวันพุธ ราคาน้ำมันเบรนต์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 หลังจากปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นและ โอเปกพลัส ประกาศการตัดสินใจเพิ่มโควตาการผลิต
กลุ่มดังกล่าวระบุว่ามีแผนจะดำเนินการเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนเมษายน โดยจะเพิ่มปริมาณการผลิต 138,000 บาร์เรลต่อวันในตลาด
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุว่าสหรัฐฯ ตั้งเป้าที่จะลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านให้เหลือเพียงเล็กน้อย
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลของทรัมป์กำลังพิจารณาแผนการตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านในทะเล โดยอ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังคงดำเนินความพยายามต่อไปเพื่อลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เหลือศูนย์
ตลาดโลกได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าที่ปรับเปลี่ยนไปมาของสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ระงับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% จนถึงวันที่ 2 เมษายน แม้ว่าภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจะยังคงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มีนาคมก็ตาม
มูเกช ซาห์เดฟ จากบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านพลังงาน Rystad Energy กล่าวในบันทึกเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แม้ว่าการเลื่อนการขึ้นภาษีจะช่วยบรรเทาความกดดันได้บ้าง แต่ตลาดยังคงเดินบนเส้นด้ายระหว่างความไม่แน่นอนของนโยบายและความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกิน
ในสหรัฐฯ การเติบโตของการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.1% แต่ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการค้าและการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างรุนแรงอาจกัดกร่อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในช่วงหลายเดือนข้างหน้า







