ราคาน้ำมันทรงตัว ซื้อขายผันผวน จากความไม่แน่นอนของภาษีทรัมป์

ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันพฤหัสบดี น้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากแรงกดดันสงครามภาษีระหว่างสหรัฐ แคนาดา และจีน โอเปกพลัสจะเพิ่มปริมาณการผลิต
รอยเตอร์ส รายงานตลาดน้ำมันดิบโลกวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น 16 เซ็นต์ หรือ 0.2% แตะที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ราคาเพิ่มขึ้น 5 เซ็นต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 66.36 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันพฤหัสบดี โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องมาจากแรงกดดันจากการขึ้นภาษีตอบโต้กันระหว่างสหรัฐ แคนาดา และจีน และแผนการเพิ่มปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส
ในวันพุธ ราคาน้ำมันเบรนท์ปิดตลาดที่ 68.33 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 หลังจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่โอเปกพลัส ปรับขึ้นโควตาการผลิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรใหม่
“ข่าวโอเปกที่เพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนหน้า ร่วมกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งดูมีแนวโน้มดีขึ้น และนโยบายภาษีที่พลิกผันไปมา ทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน” เดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าของสถาบันการเงิน BOK Financial กล่าว
รัสเซียประกาศว่าจะแสวงหาข้อตกลงสันติภาพในยูเครนที่รับประกันความมั่นคงในระยะยาวของตนเอง และจะไม่ถอยออกจากพื้นที่ที่ยึดมาได้จากยูเครน
ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ยกเว้นสินค้าบางรายการจากแคนาดาและเม็กซิโกที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือ จากภาษี 25% ที่มีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้เป็นเวลา 1 เดือน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าล่าสุดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและผู้นำทางธุรกิจ
แหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์สว่า ทรัมป์อาจยกเลิกภาษี 10% สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานของแคนาดา เช่น น้ำมันดิบและน้ำมันเบนซิน ที่สอดคล้องกับข้อตกลงการค้าที่มีอยู่
ด้านเจ้าหน้าที่จีนได้ชี้ว่าอาจมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศและบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอย่างเต็มที่เพื่อล้มการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและกดดันสกุลเงินของอิหร่าน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว
ด้าน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐกำลังทบทวนการยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ทั้งหมดที่ช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของอิหร่าน และเรียกร้องให้รัฐบาลอิรักยุติการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากอิหร่านโดยเร็วที่สุด
สก็อตต์ เชลตัน นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากโบรกเกอร์ TP ICAP ประเมินว่า ในขณะนี้ ความเสี่ยงด้านลบต่ออุปสงค์น่าจะมากกว่าความเสี่ยงด้านอุปทาน เนื่องจากมีน้ำมันเพิ่มเติมจากโอเปก
“กำลังการผลิตสำรองสามารถชดเชยการลดลงของอุปทานได้ แต่ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาอุปสงค์ ซึ่งน่าจะลดลงภายใต้แรงกดดันจากการคว่ำบาตรและความต้องการน้ำมันที่น้อยลง” เชลตันกล่าวเสริม
กลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) และพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย ตัดสินใจเมื่อวันจันทร์ที่จะเพิ่มการผลิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
ผู้แทนโอเปกพลัสคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตลาดต่อการตัดสินใจเมื่อวันจันทร์ โดยกล่าวว่าราคาที่ลดลงดูจะมากเกินไป และหวังว่าตอนนี้ตลาดจะ "ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป"






