ราคาน้ำมันดิบลดลงมากกว่า 1% OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 1% หลังข่าว OPEC+ จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันตามแผนในเดือนเมษายน และกังวลภาษีจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและความต้องการน้ำมัน
รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก หรือ โอเปก และพันธมิตรอย่างรัสเซีย ซึ่งรู้จักกันในชื่อโอเปกพลัส( OPEC+ ) ได้ตัดสินใจดำเนินการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันตามแผนในเดือนเมษายน แหล่งข่าว 3 รายจากกลุ่มผู้ผลิตดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์สเมื่อวันจันทร์
กลุ่ม OPEC+ ได้ปรับลดปริมาณการผลิตลง 5.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 5.7% ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลก โดยมีการทำข้อตกลงกันหลายครั้งตั้งแต่ปี 2022 เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน
ความเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มการผลิตดังกล่าวทำให้ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 71.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ ลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.99% ปิดที่ 68.37 ดอลลาร์
ในตลาดพลังงานอื่นๆ ของสหรัฐฯ การเริ่มต้นของสัญญาเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนใกล้สุดใหม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 สัปดาห์ในช่วงปลายฤดูหนาว ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนก่อนถึงฤดูขับรถในฤดูร้อน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าในวันจันทร์นี้ว่าจะขึ้นอัตราภาษีศุลกากรต่อแคนาดาและเม็กซิโก ในช่วงเช้าของวันอังคารนี้ ท่ามกลางการเจรจาในนาทีสุดท้ายเกี่ยวกับความปลอดภัยชายแดนและความพยายามที่จะหยุดยั้งการไหลเข้าของสารเสพติด เฟนทานิล
ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นว่าจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับการนำเข้าทั้งหมดจากแคนาดาและเม็กซิโก โดยเก็บภาษี 10% สำหรับผลิตภัณฑ์พลังงานของแคนาดา
ทามาส วาร์กา นักวิเคราะห์จาก PVM กล่าวว่า "ภาษีศุลกากรอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ของน้ำมัน แต่ยังจะจำกัดอุปทานน้ำมันอีกด้วย เมื่อภาษีพุ่งเป้าไปยังผู้ผลิตน้ำมัน เช่น แคนาดาและเม็กซิโก"
ภาคการขุดเจาะและบริการแหล่งน้ำมันของแคนาดาแสดงสัญญาณของการชะลอตัวก่อนที่จะมีการกำหนดอัตราภาษีศุลกากร
คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีของเม็กซิโกกล่าวว่าประเทศของเธอพร้อมสำหรับการตัดสินใจใดๆ ของวอชิงตัน
จีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ กล่าวว่ากำลังเตรียมมาตรการตอบโต้ภาษีศุลกากรโดยได้กำหนดเป้าหมายไปที่ภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าเนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ของจีนขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน
ในขณะเดียวกัน การผลิตในสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ราคาสินค้าที่หน้าโรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี และต้องใช้เวลานานกว่าในการส่งมอบวัตถุดิบ ซึ่งบ่งชี้ว่าภาษีนำเข้าอาจทำให้การผลิตลดลงในไม่ช้า
กังวลเฟดอาจจะคงดอกเบี้ยสูงไว้อีกนาน
นักวิเคราะห์กล่าวว่าภาษีที่ทรัมป์วางแผนไว้ยังทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงต่อไปอีกนานขึ้น ซึ่งอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการพลังงานชะลอตัวลง
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อความต้องการน้ำมันกดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ทำให้ลดลงประมาณ 10% แล้วในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยบรรดานักเก็งกำไรลดจำนวนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นสุทธิในตลาดซื้อขายล่วงหน้า New York Mercantile Exchange และ Intercontinental Exchange ลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30,623 สัญญาในเดือนธันวาคม 2023 ตามรายงานของคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ
ส่วนข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ อังกฤษกล่าวว่ามีข้อเสนอหลายประการสำหรับแผนการสงบศึกระหว่างยูเครนและรัสเซีย หลังจากฝรั่งเศสเสนอแผนให้มีการหยุดการสู้รบเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อนำไปสู่การเจรจาสันติภาพ







