‘พิชัย’ รายงานแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนายกฯ เล็งปั้นจีดีพี โต 3.5%

"พิชัย" รายงานแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนายกฯ เร่งดัน GDP ปี 68 โต 3.5% ก่อนหารือร่วมเอกชน เตรียมสรุปมาตรการภายใน 2 สัปดาห์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านสื่อโฃเชียลมีเดียส่วนตัวแพลตฟอร์ม "X" ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 มี.ค. ว่า ตามที่ได้มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดทำแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2568 ให้ขยายตัวได้ 3-3.5% ในการประชุม ครม. สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นายพิชัย ได้กลับมารายงานความคืบหน้าหลังจากหารือร่วมกับ 5 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการ แบ่งออกเป็น
แผนการดำเนินงานระยะสั้น-กลาง
1. เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงินค้างอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท
2. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และผันเม็ดเงินไปสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
3. เร่งการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งในปี 2567 มีการยื่นขอสนับสนุนราว 1.14 ล้านล้านบาท โดยเราจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่อง Ease of Doing Business โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตต่างๆ
4. เร่งปิดดีลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระบบน้ำ เพื่อสอดรับกับความต้องการทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค รวมถึงโครงการ Land Bridge รถไฟเชื่อมต่อกับจีน ขยายสนามบินและท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง ตามนโยบาย Ignite Thailand
5. กระตุ้นการส่งออก เช่น การเปิดตลาดใหม่ เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า ลดคอขวดด้านพิธีการส่งออก โดยดิฉันขอให้ดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตรควบคู่ไปด้วย
6. ด้านการท่องเที่ยว เน้นการจัดงาน/เทศกาล เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวและทำให้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว อยู่ในประเทศนานขึ้น
สำหรับแผนระยะกลาง-ยาว
เน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
1. เริ่มปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบ Sandbox โดยยึดความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมเดิม
2. ปรับโครงสร้างด้านราคาพลังงาน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่น นโยบาย Direct PPA และ UGT เพื่อตอบโจทย์มาตรฐานการค้าการลงทุนปัจจุบัน
3. เร่งปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ เริ่มจากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เน้นเรื่องความสมดุลอุปสงค์-อุปทาน พัฒนาปัจจัยทุน ได้แก่ ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ และเพิ่มผลิตภาพ ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
"โอกาสต่อไป คณะทำงานจะหารือเพิ่มกับภาคเอกชนผ่าน กกร. และจัดทำเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์"







