‘ธุรกิจความงาม’ โตไม่มีแผ่ว 3 ปีฟันรายได้ปีละ 3 แสนกว่าล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ธุรกิจความงาม โตต่อเนื่อง 5 ปี ได้แรงหนุนจากเทคโนโลยี ลูกค้าวัยเก๋า วัยรุ่น แถมพลัง Social Media บวกค่าบริการถูกดึงต่างชาติใช้บริการ
KEY
POINTS
Key Point
- “ธุรกิจความงาม” เติบโตแบบก้าวกระโดด
- 5 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 6,621 ราย ทุนจดทะเบียนกว่า 1.9 แสนล้านบาท เฉลี่ยตั้งใหม่ปีละกว่า 1,000 ราย
- 3 ปี (2564-2566)สร้างรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดตกปีละกว่า 3 แสนล้าน
- ปัจจัยที่ผลักดันให้ธุรกิจความงามเติบโตมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไม่หยุด ลูกค้ากลุ่มใหม่บูมทั้งผู้ชาย วัยรุ่น และสูงวัย Social Media และราคาให้บริการที่ถูกกว่าหลายประเทศ
หนึ่งในธุรกิจที่มาแรง และติดโผเทรนด์ธุรกิจดาวรุ่งมาตลอด คือ “ธุรกิจความงาม” เนื่องจากปัจจุบันมีความสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ข้อมูลว่า ‘ธุรกิจความงาม’ มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และยังสอดรับกับการเป็น 1 ใน 10 ของธุรกิจดาวเด่นประจำปี 2568 กลุ่มธุรกิจ Health & Wellness ที่กรมฯ ได้วิเคราะห์ว่ามีการเติบโตที่น่าสนใจ
ธุรกิจความงามประกอบไปด้วยธุรกิจ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มคลินิกเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาล คลินิกให้คำปรึกษา ศัลยกรรม เป็นต้น 2. คลินิกทันตกรรม การให้บริการทำฟันประเภทต่างๆ และ 3. กลุ่มความงาม การให้บริการลดน้ำหนัก ดูแลความงามตั้งแต่ใบหน้า ผิวพรรณ เล็บมือ เท้า การให้คำปรึกษา การปลูกผม และกำจัดขน
ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจความงามเป็นที่น่าจับตามอง หากวิเคราะห์ย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) เห็นได้ชัดเจนว่าการจัดตั้งธุรกิจและทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย
ปี 2563 มีจำนวน 527 ราย ทุนจดทะเบียน 1,302 ล้านบาท
ปี 2564 มีจำนวน 589 ราย ทุนจดทะเบียน 1,775 ล้านบาท
ปี 2565 มีจำนวน 957 ราย ทุนจดทะเบียน 3,472 ล้านบาท
ปี 2566 มีจำนวน 1,161 ราย ทุนจดทะเบียน 5,523 ล้านบาท
ปี 2567 มีจำนวน 1,135 ราย ทุนจดทะเบียน 5,547 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการ 3 ปี ย้อนหลัง (2564-2566)พบว่า ธุรกิจความงามสามารถสร้างรายได้ที่สูงเฉลี่ยกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี ประกอบด้วย
ปี 2564 รายได้ 304,724 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 354,823 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 363,145 ล้านบาท
ปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจความงามอยู่ 6,621 ราย ทุนจดทะเบียน 190,160 ล้านบาท แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 5,994 ราย (90.53%) ทุนจดทะเบียน 153,879 ล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 582 ราย (8.79%) ทุนจดทะเบียน 758 ล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 45 ราย (0.68%) ทุนจดทะเบียน 35,523 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดเล็ก (S) เป็นกลุ่มที่อยู่ในตลาดนี้มากที่สุดจำนวน 6,191 ราย (93.51%) ทุนจดทะเบียน 49,560 ล้านบาท รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) 238 ราย (3.59%) ทุนจดทะเบียน 24,275 ล้านบาท และขนาดใหญ่ (L) 192 ราย (2.90%) ทุนจดทะเบียน 116,325 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2,799 ล้านบาท โดยสัญชาติที่ลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ มาเลเซีย มูลค่า 201 ล้านบาท จีน มูลค่า 182 ล้านบาท และ สิงคโปร์ 94 ล้านบาท
“อรมน ทรัพย์ทวีธรรม” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจความงาม มีแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่และมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดค่านิยมทางสังคมที่ซึมซับมาจากโซเชียลมีเดียที่นำเสนอเรื่องราวการดูแลตนเอง ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ที่มีบุคลิกที่ดูดี จึงเป็นจุดโน้มน้าวให้ผู้ติดตามต้องการปรับภาพลักษณ์ รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีขึ้น และสังคมเปิดกว้างกับทำศัลยกรรมมากขึ้น
ประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีวิวัฒนาการมากขึ้น การนำนวัตกรรมด้านความงามมาให้บริการในราคาที่ถูกลง เจ็บน้อยลง แผลเล็กลง และการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง จึงทำให้ลูกค้าไม่ได้จำกัดแค่เพียงผู้หญิงเพียงกลุ่มเดียวแต่ยังขยายลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ชาย กลุ่ม Gen Z ที่เริ่มเข้าสู่สังคมการทำงาน ผู้สูงอายุที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อการชะลอวัย และลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ามาใช้บริการ จึงเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยประเภทธุรกิจความงามที่ต้องรีบคว้าไว้
จากปัจจัยต่างๆจึงไม่แปลกที่"ธุรกิจความงาม" จะเติบโต และติดโผธุรกิจมาแรงในยุคนี้