ส่องแผนพัฒนา MRO อู่ตะเภา 2 แอร์ไลน์ เตรียมร่วมทุน 1 หมื่นล้าน

ส่องแผนพัฒนา MRO อู่ตะเภา 2 แอร์ไลน์ เตรียมร่วมทุน 1 หมื่นล้าน

เปิดแผนพัฒนา "ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา" 1 หมื่นล้านบาท หลัง "การบินไทย" ประกาศเตรียมลงนามร่วมทุน "บางกอกแอร์เวย์ส" เดินหน้าประมูล หวังรองรับการขยายตัวของฝูงบิน

โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) อู่ตะเภา อีกหนึ่งบิ๊กโปรเจกต์ค้างท่อการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการลงทุนตั้งแต่ช่วงปี 2561

ซึ่งในขณะนั้นการบินไทยได้ออกประกาศเชิญชวน และคัดเลือกเอกชนด้วยวิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ผลการคัดเลือกพบว่า บริษัท Airbus S.A.S (แอร์บัส) ผ่านคุณสมบัติ และมีประสบการณ์เหมาะสมตามที่การบินไทยกำหนดไว้ แต่ท้ายที่สุดการเจรจาร่วมทุนยังไม่เป็นผล และอุตสาหกรรมการบินต้องเจอวิกฤติโควิด-19 จึงทำให้ทางแอร์บัสถอนตัวร่วมลงทุน

ส่งผลให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2567 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2567 มีมติอนุมัติปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนิน โดยให้ยกเลิกการเป็นโครงการร่วมลงทุนตามที่ ครม. อนุมัติไว้ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2561

 

 

และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดำเนินการจัดหาผู้เช่าที่ดินราชพัสดุในเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เพื่อดำเนินกิจกรรมศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 และระเบียบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การเช่าที่ดินราชพัสดุที่ประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ.2562 ต่อไป

“ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภาเป็นโครงการที่สำคัญต่อการยกระดับอุตสาหกรรมการบิน และมีความสำคัญต่อธุรกิจการบินทั้งในด้านขีดความสามารถทางการแข่งขัน ในด้านความเชี่ยวชาญซ่อมอากาศยาน และยังรองรับการซ่อมอากาศยานของสายการบินในไทย รวมไปถึงโอกาสสร้างรายได้จากการซ่อมอากาศยานจากต่างประเทศ

โดยการบินไทยยังมีความต้องการลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความถนัด อีกทั้งการบินไทยมีแผนเพิ่มฝูงบินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2572 จะมีฝูงบินรวม 143 ลำ ดังนั้นจำเป็นต้องมีศูนย์ซ่อมรองรับ และยังสร้างโอกาสในการหารายได้ ทำให้ที่ผ่านมาการบินไทยศึกษาแนวทางการลงทุนโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง และบรรจุในแผนฟื้นฟูจะใช้เงินลงทุนโครงการนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

 

 

ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมาการบินไทยได้หารือร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อเข้ามาเป็นพันธมิตรในการลงทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา โดยอยู่ระหว่างเตรียมการลงนาม MOU เพื่อเริ่มศึกษารายละเอียดโครงการ และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม พร้อมทั้งจัดเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลตามเงื่อนไขที่ สกพอ.จะประกาศ ซึ่งทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติ

“โครงการศูนย์ซ่อมอู่ตะเภานี้ การบินไทยเราเคยศึกษามีความพร้อมอยู่แล้ว แต่เมื่อจะต้องร่วมทุนกับบางกอกแอร์เวย์สเราก็ต้องมา MOU เพื่อศึกษารายละเอียดร่วมกัน ต้องถามความต้องการของทางบางกอกแอร์เวย์ส รวมไปถึงสัดส่วนการลงทุนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการบินไทยเราจะเป็นผู้ลงทุนหลัก เพราะมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ ขณะที่สัดส่วนการลงทุนจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอให้มีการลงนามสัญญาแล้วเสร็จจึงจะเปิดเผยได้”

สำหรับตามแผนลงทุนของการบินไทยที่เคยศึกษาไว้ก่อนหน้านี้ พบว่าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานจะดำเนินการบนพื้นที่ประมาณ 210 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ที่อยู่ในความครอบครองของกองทัพเรือ โดยประเมินวงเงินลงทุนอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท

โดยศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานจะรองรับการซ่อมบำรุงอากาศยาน ประกอบด้วย

การซ่อมใหญ่อากาศยาน (Heavy Maintenance)

  • รองรับอากาศยานลำตัวกว้างได้พร้อมกัน 3 ลำ
  • รองรับอากาศยานลำตัวกว้างได้ 110 ลำต่อปี
  • รองรับอากาศยานลำตัวแคบ 130 ลำต่อปี

การซ่อมบำรุงระดับลานจอด (Line Maintenance)

  • รองรับอากาศยานลำตัวกว้างและแคบได้ 70 เที่ยวบินต่อวัน

การพ่นสีอากาศยานทั้งลำตัวแคบ และลำตัวกว้าง

  • รองรับอากาศยานได้ราว 22 ลำต่อปี

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นพัฒนาโรงซ่อมอากาศยานอัจฉริยะ (Smart-hanger) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดของโลก สามารถรองรับการให้บริการซ่อมเครื่องบินทั้งของแอร์บัส และโบอิง โดยตามแผนเดิมที่ศึกษา คาดการณ์เป้าหมายสร้างรายได้ในปีแรกอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท จากการซ่อมอากาศยาน 10 ลำ และประเมินว่าจะมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอีกปีละ 2% และในช่วง 50 ปีตลอดอายุสัญญาจะมีรายได้รวม 2 แสนล้านบาท

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์