กรมชลคลี่แผนโครงการขนาดใหญ่ แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อความยั่งยืน

กรมชลประทานวางแผนขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ แก้ปัญหาน้ำเหนือจรดใต้ เน้นพัฒนาแหล่งน้ำรับความต้องการในอนาคต บรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย จากสภาพอากาศเปลี่ยน
KEY
POINTS
-
สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ และการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุทกภัยเป็นประจำทุกปี
- กรมชลประทานได้เตรียมแผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ทั้งแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ และแผนงานป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ
-
หากโครงการขนาดใหญ่ต่างๆสามารถดำเนินได้ตามแผนที่กำหนดไว้ จะส่งเสริมให้ไทยมีแหล่งน้ำที่จะทำหน้าที่ทั้งการป้องกันปัญหาน้ำแล้ง ขณะเดียวจะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัย
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างยั่งยืน กำชับกรมชลประทานขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ ปัจจุบันโครงการขนาดใหญ่ ที่อยู่ในมือกรมชลประทาน มีประมาณ 16 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และให้บริหารจัดการน้ำแบบประณีต เพื่อในฤดูน้ำหลากส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
นอกจากภารกิจด้านการพัฒนาแหล่งน้ำแล้ว กรมชลประทานก็มีภารกิจด้านป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้จากสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ และการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุทกภัยเป็นประจำทุกปี เช่นเหตุการณ์อุทกภัยในปี 2567 ที่ อ.แม่สอด จ.เชียงราย , พื้นที่ใน จ.พะเยา แพร่ สุโขทัย ที่แม่น้ำยม ไหลผ่าน , เขตเทศบาลเมือง จ.เชียงใหม่ และอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เป็นต้น ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชนที่อยู่อาศัย แหล่งอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวในพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญในหลายพื้นที่ของประเทศ เช่น พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ก็ยังมีความสำคัญที่ต้องหาแหล่งน้ำรองรับการขยายตัวในอนาคต
เพื่อเป็นการเตรียมรับสถานการณ์น้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กรมชลประทานได้เตรียมแผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ทั้งแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ และแผนงานป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ ซึ่งอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อม ทั้งที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม การสำรวจและออกแบบ การดำเนินการมีส่วนร่วม รวมถึงที่อยู่ระหว่างการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพิ่มเติม โดยมีตัวอย่างโครงการสำคัญ เช่น
- โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล เป็นการสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำยวม มาเติมน้ำให้เขื่อนภูมิพลประมาณปีละ 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ รวมถึงพิจารณารูปแบบ แนวทางการดำเนินโครงการให้มีความเหมาะสมและมีผลกระทบน้อยที่สุด
- แผนบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผน เป็นแผนงานเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกอ่าวไทย ซึ่งจากการศึกษาโดยใช้สมมติฐานมหาอุทกภัยในปี 2554 หากดำเนินการตาม 9 แผนงาน จะช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานอยู่ระหว่างดำเนินการ 4 แผนงาน ได้แก่ แผนงานที่ 6,8 และ 9 ซึ่งเป็นแผนงานปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำ และระบบชลประทานเดิม รวมทั้งแผนงานพื้นที่รับน้ำนอง 11 ทุ่ง และแผนงานที่ 7 เป็นการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากสายใหม่ยาวประมาณ 22.50 กม. ซึ่งจะช่วยบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เศรษฐกิจของตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วกว่า 50% และอีก 5 แผนงานที่เหลือ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านสำรวจ ออกแบบและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงการพิจารณาหาแหล่งงบประมาณอื่นๆ เพื่อนำมาลงทุนตามแผนงาน
- โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นแผนงานบูรณาการระหว่างกรมชลประทาน ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ซึ่งกรมชลประทานมีแผนงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ โครงข่ายน้ำ ระบบสูบกลับ และขุดลอก/พื้นที่ลุ่มต่ำ ประมาณ 39 โครงการ ความจุรวม 909.80 ล้าน ลบ.ม. โดยวางแผนงานการดำเนินงาน 18 ปี (2563-2580) ซึ่งเป็นแผนงานพัฒนาเพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้น้ำของพื้นที่ภาคตะวันออกในอนาคต แต่ในส่วนของแผนงานสูบผันน้ำบางแผนงานจะยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนก่อน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี แต่เนื่องจากยังติดปัญหาในส่วนของการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จึงยังไม่สามารถดำเนินโครงการได้
- โครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่เตรียมความพร้อมและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่แล้ว และอยู่ในแผนงานการขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งตามแผนคาดว่าจะสามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และเสนอขออนุมัติ ครม. ได้ในปี 2568 และปี 2569 จะดำเนินการจัดหาที่ดินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อสร้าง โดยมีแผนการดำเนินงานประมาณ 10 ปี (2570-2579) โดยจะช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก พื้นที่ราบลุ่มทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดเพชรบุรี ด้วยการขุดคลองระบายน้ำยาว ประมาณ 40 กิโลเมตร
ในส่วนของ แผนงานโครงการขนาดใหญ่ โครงการสำคัญ ที่อยู่ในระหว่างศึกษา ก็จะมีโครงการ ป่าสัก มวกเหล็ก ลำตะคอง จ.สระบุรี และจ. นครราชสีมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองและลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม จัดสรรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำมูลกรณีฉุกเฉินจำเป็น
โครงการอุโมงค์ผันน้ำลงเขื่อนศรีนครินทร์ เนื่องจากอำเภอบ่อพลอย อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ และอำเภอพนมทวน เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ซ้ำซากของจังหวัดกาญจนบุรี จึงส่งผลให้ราษฎรประสบปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค เป็นอย่างมาก และด้วยข้อจำกัดด้านสภาพภูมิประเทศที่ไม่สามารถพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์มาช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าว ก่อสร้างอุโมงค์ 20.5 กิโลเมตร ผันน้ำ 256.5 ล้าน ลบ.ม. บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ไปยังอ่างเก็บน้ำลำอีซู (ขยาย) พร้อมวางระบบส่งน้ำไปยังพื้นที่รับประโยชน์
ทั้งนี้ หากโครงการขนาดใหญ่ต่างๆสามารถดำเนินได้ตามแผนที่กำหนดไว้ จะส่งเสริมให้ไทยมีแหล่งน้ำที่จะทำหน้าที่ทั้งการป้องกันปัญหาน้ำแล้ง ขณะเดียวจะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัยหรืออย่างน้อยที่สุดก็ลดความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์ของประชาชนได้อย่างยั่งยืน







