‘กรมบัญชีกลาง’ เร่งเบิกจ่ายงบฯลงทุน มั่นใจปี 68 ได้ตามเป้า 80%

‘กรมบัญชีกลาง’ เร่งเบิกจ่ายงบฯลงทุน  มั่นใจปี 68 ได้ตามเป้า 80%

‘กรมบัญชีกลาง’ เผยนายกฯ เรียกคุยรายกระทรวงเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนฯหลังตั้งเป้าสูง 80% เร่งหน่วยงานก่อหนี้ เผยมีเงินรอเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปี 1.2 แสนล้านบาท

นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลว่าในปีนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากโดยมีการตั้งเป้าหมายในการเบิกจ่ายไว้ 80% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการตั้งเป้าไว้ที่ 75% ขณะที่ตัวเลขการเบิกจ่ายจริงทำได้ 65% ของงบประมาณ ซึ่งมีปัจจัยในเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณที่ออกมาล่าช้า ซึ่งได้มีการเร่งรัดเต็มที่ทำให้การเบิกจ่ายออกมาได้ถึง 65% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ

สำหรับในปีนี้เมื่อมีการตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระดับนโยบายคือนายกรัฐมนตรีก็มีการเรียกหน่วยงานที่มีวงเงินงบประมาณลงทุนจำนวนมากมาสอบถามความคืบหน้าของการเบิกจ่ายโครงการ ซึ่งมีการติดตามร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ในกระทรวงหลักที่มีงบประมาณมาก เช่น กระทรวงคมนาคม เกษตร และ มหาดไทย เป็นต้น

“ขณะนี้การติดตามเรื่องนี้รัฐบาลมีการติดตามเป็นรายสัปดาห์และรายเดือนโดยภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนต้องได้ไม่ต่ำกว่า 29% และจะมีการเร่งรัดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อผ่านขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆแล้ว ส่วนเงินที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีตั้งแต่ปีงบประมาณที่แล้วที่จะมาเบิกจ่ายในปีนี้มีวงเงินประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งทยอยเบิกจ่ายมาเรื่อยๆ โดยหน่วยงานราชการต้องมีการเบิกจ่ายภายในปีนี้”

อย่างไรก็ตามในบางหน่วยงานที่ยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนใดเลย เช่น ยังไม่ก่อหนี้ โดยเฉพาะหน่วยงานเล็กๆซึ่งมีหลายโครงการที่มีลักษณะนี้ก็ได้เร่งรัดให้เริ่มต้นขั้นตอน นอกจากนั้นในส่วนที่กรมบัญชีกลางต้องไปช่วยเร่งรัดมากก็คือโครงการของจังหวัด กลุ่มจังหวัดในภูมิภาค ซึ่งได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยแล้วในมีการเร่งรัดในส่วนนี้ เพื่อให้มีเม็ดเงินที่ลงไปในระบบเศรษฐกิจกระจายไปทั่วประเทศ

“ส่วนใหญ่หน่วยงานจะมีความเข้าใจที่จะต้องเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนใหญ่ก็จะทำทัน และเมื่อทำกระบวนการให้ทัน เพราะหลังจากก่อหนี้แล้วต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งการทำกระบวนการให้ทันเพื่อให้กันเงินได้ หากทำกระบวนการนี้ไม่ทันจะส่งผลต่อโครงการเนื่องจากจะไม่มีเม็ดเงินงบประมาณมาดำเนินโครงการได้” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าว