ราคาน้ำมันดิบทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หวั่นอุปทานลด

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันพุธ เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในรัสเซียและสหรัฐ
รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพุธ(19 ก.พ.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 20 เซ็นต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 76.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40 เซ็นต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 72.25 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาปิดสูงสุดของราคาน้ำมันดิบอ้างอิงทั้งสอง ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์
“ตลาดกำลังพยายามประเมินปัจจัยบวกสามประการ ได้แก่ รัสเซีย อิหร่าน และโอเปก” อัลโด สแปนเจอร์ นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร BNP Paribas กล่าว “ผู้คนกำลังพยายามหาคำตอบว่าการประกาศมาตรการคว่ำบาตรและการใช้จริงจะส่งผลอย่างไร”
รัสเซียเปิดเผยว่าปริมาณน้ำมันที่ไหลเข้าจากท่อส่งน้ำมันแคสเปียน (CPC) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกน้ำมันดิบจากคาซัคสถาน ลดลง 30-40% เมื่อวันอังคาร หลังจากโดรนยูเครนโจมตีสถานีสูบน้ำมันในรัสเซีย การคำนวณของรอยเตอร์สชี้ว่า หากลดลง 30% จะทำให้สูญเสียอุปทานในตลาด 380,000 บาร์เรลต่อวัน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย กล่าวว่าการโจมตี CPC อาจมีการประสานงานกับพันธมิตรตะวันตกของยูเครน
ในสหรัฐอากาศหนาวคุกคามอุปทานน้ำมัน โดยหน่วยงาน North Dakota Pipeline Authority ประเมินว่าการผลิตน้ำมันในรัฐนอร์ทดาโกตานี้จะลดลงมากถึง 150,000 บาร์เรลต่อวัน
ด้านโทนี ซิคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดของโบรกเกอร์ IG กล่าวว่า “ระดับ 70 เหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความสำคัญทางจิตวิทยา (สำหรับราคาน้ำมัน) ดูเหมือนจะทรงตัวอยู่ โดยได้รับแรงหนุนจากการโจมตีของโดรนยูเครนที่สถานีสูบน้ำมันของรัสเซีย และความกลัวว่าอากาศหนาวในสหรัฐอาจทำให้อุปทานลดลง”
“นอกจากนี้ ยังมีการคาดเดากันว่ากลุ่มโอเปกพลัส อาจตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มปริมาณการผลิตที่วางแผนไว้ในเดือนเมษายน” ซิคามอร์ กล่าวเสริม โดยอ้างถึงกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) และพันธมิตรอย่างรัสเซียและคาซัคสถาน
สแปนเจอร์ จาก BNP คาดว่าโอเปก จะขยายเวลาลดการผลิตออกไปอีก
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประณามประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนว่าเป็น “เผด็จการไม่ได้มาการเลือกตั้ง” และกล่าวว่าเขาจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างสันติภาพ
แม้ว่าข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่สหรัฐ เป็นตัวกลางอาจมีความเป็นไปได้ แต่บรรดานักวิเคราะห์จากธนาคารGoldman Sachs กล่าวว่าการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียนั้นไม่น่าจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“เราเชื่อว่าการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียถูกจำกัดด้วยเป้าหมายการผลิต 9 ล้านบาร์เรลต่อวันของกลุ่มโอเปกพลัสมากกว่ามาตรการคว่ำบาตรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศปลายทาง แต่ไม่ส่งผลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมัน” Goldman Sachs ระบุในรายงาน
ในตะวันออกกลาง อิสราเอลและฮามาสจะเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สองในฉนวนกาซา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันโดยลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักของอุปทาน
ภาษีศุลกากรที่ประกาศโดยรัฐบาลทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันโดยทำให้ต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง และลดความต้องการเชื้อเพลิง ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการของยุโรปและจีนยังฉุดราคาลงอีกด้วย
ตลาดกำลังรอข้อมูลสต๊อกน้ำมันของสหรัฐ จากกลุ่มการค้าสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ในช่วงบ่ายวันพุธ และจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ในวันพฤหัสบดี
รายงานดังกล่าวจะออกมาช้ากว่าปกติหนึ่งวันเนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุดวันประธานาธิบดีของสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทพลังงานจะเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบในคลังสำรองของสหรัฐ ประมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หากเป็นจริง ก็จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทพลังงานเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบในคลังเป็นเวลาสี่สัปดาห์ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024






