ธนดล ลุยตรวจสอบ มูยแดนซ์ บันยันทรี และบางส่วนของโบนันซ่า ทับที่ สปก.

“ธนดล” เตรียมข้อมูลที่ดิน “แรนโช ชาญวีร์ฯ” เสนอที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ พร้อมเดินหน้าตรวจสอบเขาใหญ่ อีก3แห่ง มูยแดนซ์ บันยันทรี และบางส่วนของโบนันซ่า
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาวานนี้(18 ก.พ.)ได้ทำการตรวจสอบที่ดิน 3 จุด คือ อาร์ตทรี คาเฟ่ เขาใหญ่ , สนามกอล์ฟ ทอสคาน่า วัลเล่ย์ และ สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรีคลับ ของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
โดยแปลงแรก อาร์ตทรีฯ พบว่า มีอดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเกี่ยวข้องกับการครอบครอง ก่อนมีการซื้อขายเปลี่ยนมือสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ เบื้องต้นทาง ส.ป.ก.นครราชสีมาจะทำหนังสือแจ้งเตือนผู้ครอบครองให้ปิดกิจการ เนื่องจากเป็นการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ โดย ส.ป.ก. อนุญาตให้ใช้เพื่อทำการเกษตรเท่านั้น
ส่วนจุดที่ 2 ที่เข้าตรวจสอบคือ สนามกอล์ฟ ทอสคาน่า วัลเล่ย์ โดย เจ้าของถือครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่จุดที่เข้าตรวจสอบ มีโฉนดที่ดินอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2,000 กว่าไร่ เบื้องต้นพบว่า เป็นการออกโฉนดที่ดินจากเอกสาร นค. 3 ซึ่งเป็นที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ขั้นตอนต่อไปจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า การออกโฉนเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน หากการออกโฉนดในพื้นที่ทับซ้อนเป็นการออกโฉนดแบบไม่ถูกต้อง ส.ป.ก. จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายของส.ป.ก.
และจุดที่ 3 สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรีคลับ ซึ่งเป็นของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ แต่อยู่เฉพาะในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยจะต้องตรวจสอบลำดับเวลาการออกโฉนดเพื่อยืนยันว่า ออกโดยถูกต้องหรือไม่เช่นกันและมีการใช้ประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดินหรือไม่และยืนยันว่า การดำเนินการในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการทำหน้าที่ ตรวจอบเบื้องต้นมีการซื้อขายที่ดินที่มีโฉนดถูกต้อง แต่ตามแผนที่เขตปฏิรูปที่ดิน ตรวจพบว่า สนามกอล์ฟอยู่ในเขต ส.ป.ก. จึงต้องตรวจสอบความถูกต้องของการออกโฉนด
ทั้งนี้ผลการตรวจสอบทั้งหมดจะเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)เป็นประธานเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายส.ป.ก. ต่อไป ในขณะเดียวกันคณะเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบสถานประกอบการเพิ่มเติมอีก 3 แห่งสถานประกอบการเพิ่มเติมอีก 3 แห่งคือ มูยแดนซ์ บันยันทรี และบางส่วนของโบนันซ่า
สำหรับ พื้นที่มีการตรวจสอบดังกล่าว ทางส.ป.ก. ได้ชี้แจงว่า สืบเนื่องมาจากปี 2536 พบว่า นิคมสร้างตนเองลำตะคอง จัดสรรที่ดินให้ราษฎรบางส่วนนอกแนวเขตนิคมฯ โดยเกินกว่าพื้นที่จัดตั้งนิคมสร้างตนเองลำตะคองตามแผนที่ท้ายประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 280,000 ไร่ และอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินพื้นที่จำแนกป่าเขาใหญ่ฯ และที่จำแนกฯ ป่าโครงการรถไฟมวกเหล็ก (แปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 ) ซึ่งที่ดิน ทั้งสองโครงการเป็นที่ดินที่ ส.ป.ก.ได้มาตามมาตรา 26 (3) พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2534 จังหวัดนครราชสีมา
จึงได้มีคำสั่ง ที่ 2292/2536 ลงวันที่11 มิถุนายน 2536 และคำสั่ง ที่ 717/2537 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2537 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง เพื่อร่วมกันตรวจสอบแนวเขต ซึ่งคณะกรรมการฯ ตรวจสอบแล้ว พบว่ามีพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 46,000 ไร่ จากเดิม 280,000 ไร่ รวมเป็น 326,000 ไร่ และมีมติรับรองแนวเขตและลงนามรับรองความถูกต้องไว้ในแผนที่แสดงแนวเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา มาตราส่วน 1:50,000 ในการประชุมครั้งที่ 2/2538 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2538 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2525 ที่ห้ามหน่วยงานต่าง ๆ ขยายพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดิน เว้นแต่การจัดที่ดิน ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และการพัฒนาที่ดิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ
ส่วนกรณีคณะทำงานการขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดิน และผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ยกประเด็นดังกล่าวมาตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายทั่วประเทศตามปกติ







