นอร์เวย์ ไม่ยอมกาสิโน...เศรษฐกิจเจ๋ง ท่องเที่ยวไม่มีเจ๊ง!

น่าสนใจว่า ประเทศนอร์เวย์มีนโยบายควบคุมอบายมุขที่เข้มงวด มิได้ใช้บ่อนกาสิโน หรือการเปิดเสรีแอลกอฮอล์ เพื่อนำเศรษฐกิจแต่อย่างใด
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนวันมาฆบูชา นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษา เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ให้ขายได้ในวันสำคัญทางศาสนา และยกเลิกการจำกัดเวลาจำหน่ายที่มีอยู่เดิม โดยให้เหตุผลว่า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ในวันเดียวกันพระราชธรรมนิเทศน์ (พระพยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้ความเมตตาออกมาเตือนสตินายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการแก้กฎหมายขายเหล้าในวันพระ พร้อมยกคำพระให้สติ
ปรากฏการณ์ของพระพยอมที่ออกมาให้ปัญญารัฐบาลในคราวนี้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเหตุการณ์ซึ่งเคยเกิดขึ้นในประเทศนอร์เวย์เมื่อประมาณ 200 ปี ที่ผ่านมา ที่กลุ่มผู้นำทางศาสนาชูธงนำต่อต้านนโยบายเสรีแอลกอฮอล์
และต่อมาประชาชนเกิดปัญญาเห็นโทษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเกิดพลังรวมของคนทุกชนชั้น
จนทำให้ประเทศนอร์เวย์มีนโยบายควบคุมอบายมุขที่เข้มงวด กลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง สังคมมีความผาสุก ตราบเท่าทุกวันนี้
น่าสนใจว่า ประเทศนอร์เวย์มิได้ใช้บ่อนกาสิโน หรือการเปิดเสรีแอลกอฮอล์ เพื่อนำเศรษฐกิจแต่อย่างใด
สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รัฐบาลมีการควบคุมเวลาขายอย่างเข้มงวดตลอดมา โดยปัจจุบันการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภททำได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. ในวันธรรมดา ไม่เกินเวลา 18.00 น. ในวันเสาร์ และต้องงดจำหน่ายโดยสิ้นเชิงในวันอาทิตย์และวันหยุดบางวันที่เกี่ยวข้องกับศาสนา
ในประเด็นกาสิโน รัฐบาลนอร์เวย์ไม่เคยมีแนวคิดในการสร้างบ่อนระดับหกหรือสิบดาวเพื่อเป็นจุดขายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเลย และปัจจุบันกฎหมายก็ไม่อนุญาตให้มีบ่อนกาสิโนแม้เพียงแห่งเดียวในประเทศ
แต่ประเทศนอร์เวย์ได้ใช้แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ได้แก่ ฟยอร์ด หุบเขา ลำธาร แสงเหนือ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมถึงสังคมที่มีความปลอดภัยในทุกมิติ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีกำลังทางเศรษฐกิจจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยือน
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (man-made destination) นอร์เวย์ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การสร้าง landmark ใหม่ให้กับประเทศนั้น ต้องเป็นการสร้างสิ่งที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ เป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้คนในโลกมองชาวนอร์เวย์ในทางบวก
เช่น ในกรุงออสโลจะมี Deichman Public Library ซึ่งเป็นห้องสมุดสาธารณะ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่มีความโดดเด่นในแง่บ่งชี้ถึงสติปัญญาของรัฐบาล ที่ใช้งบประมาณซึ่งมาจากภาษีประชาชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ เพิ่มพูนสติปัญญาของคนในชาติ
นอกจากห้องสมุดสาธารณะนี้ทุกคนจะสามารถเข้าไปใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นห้องสมุดสามชั้นที่ได้รับการกล่าวขานว่า ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกลมกลืนกับทิวทัศน์ของเมืองอย่างลงตัว
ทำให้เมืองหลวงของนอร์เวย์ มีสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมแห่งใหม่บริเวณริมน้ำ โดยอาคารที่ใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษนี้ จัดเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งชี้ความงามในความเรียบง่ายตามแบบฉบับของชนชาตินอร์เวย์
นอกเหนือจากหนังสือหลายพันเล่มแล้ว ที่นี่ยังมีโรงภาพยนตร์ โซนสำหรับการเรียนรู้ผ่านการเล่นของเด็ก เวิร์กช็อปแบบเปิด โซนเล่นเกมและคาเฟ่ รวมถึงพื้นที่ซึ่งออกแบบอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการพักผ่อนและอ่านหนังสือ จนเป็นที่นิยมของประชาชน ทั้งวัยรุ่น เด็กนักเรียน และผู้มาเยือน
การที่รัฐบาลไทยระบุว่า จะสร้าง entertainment complex ที่มีกาสิโน ซึ่งเป็นแหล่งการพนัน ในทุกภูมิภาคของประเทศ และจะแก้กฎหมายเพื่อให้มีการขายเหล้าได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยมีเป้าประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ย่อมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในสายตาของคนทั่วโลกว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนอโคจร ซึ่งเป็นเรื่องน่าอาย และมีผลเสียต่อประเทศ ทั้งในเชิงการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
และการดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่นักลงทุนย่อมมองสภาพแวดล้อมของประเทศที่ปลอดภัย แรงงานมีคุณภาพ มีปัญหาอาชญากรรมและปัญหาทางสังคมต่ำ เป็นสำคัญ
อาทิ ผลการศึกษาของกระทรวงการคลังประเทศฟิลิปปินส์พบว่า อาชญากรรมจากการพนันทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลงประมาณ 16-26 พันล้านเปโซ
จากการรายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวบางชาติไม่นิยมมาไทย เพราะมองว่าเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัย เช่น ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ในสายตาชาวจีนว่า เป็นดินแดนอันตราย เป็นทางผ่านของการค้ามนุษย์ การมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะโดนลักพาตัว เป็นต้น
ซึ่งหากรัฐบาลยังปล่อยปละละเลย ไม่ปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายอย่างจริงจัง อีกทั้งยังผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวที่ใช้อบายมุขเป็นธงนำ ย่อมทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวผีพนันขี้เหล้า เป็นฐานที่มั่นของอาชญากรมาเฟียข้ามชาติและทุนดำทุนเทา ฯลฯ
นอกจากจะทำให้ประเทศไทยไม่สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แล้ว ยังส่งผลให้ไม่ใช่ดินแดนยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วย
ทั้งหมดนี้ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจประเทศไทยโดยรวม และหายนะเหล่านี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้!