เปิดร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ฉบับกฤษฎีกา ตีกรอบกาสิโน - ตั้งทีมประเมินการลงทุน

เปิดร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ฉบับกฤษฎีกา ตีกรอบกาสิโน - ตั้งทีมประเมินการลงทุน

“กฤษฎีกา” ตรวจแก้ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เปิดรับฟังความเห็นรอบใหม่ วงกรอบชัดให้มีกาสิโนไม่เกิน 10% กำหนดให้ออกพระราชกฤษฎีกาพื้นที่ลงทุนต้องทำอีเอชไอเอ เปิดฟังความเห็นเจ้าของที่ดินข้างเคียง ห้ามมีพนันออนไลน์พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจศึกษา

KEY

POINTS

  • ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผ่านการปรับปรุงโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นรอบใหม่ก่อนเสนอ ครม.
  • กฎหมายกำหนดชัดขึ้น เรื่องของการจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจร และห้ามประกอบธุรกิจพนันออนไลน์ กำหนดพื้นที่ต้องผ่านการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA/ EHIA) และออกพ.ร.ฎ.ใช้ประโยชน์ที่ดิน 
  • การกำหนดส่วนร่วมของประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการลงทุนต้องมีมาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผลกระทบต่อชุมชน 
  • การบริหารจัดการ และการกำกับดูแลมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหาร เพื่อกำหนดนโยบาย ออกใบอนุญาต และควบคุมการดำเนินการ และตั้งคณะทำงานพิเศษประเมินโครงการ และการลงทุน 

 

การผลักดัน Man-made destination รัฐบาลมีแผนพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 ซึ่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำร่างกฎหมายไปตรวจแก้ และปรับปรุงก่อนเสนอ ครม.ภายใน 50 วัน เพื่อส่งร่างกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณา

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจว่ารัฐบาลนำร่างกฎหมายเข้าสภาผู้แทนราษฎรทันสมัยการประชุมนี้ โดยกรอบการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา 50 วัน จะครบกำหนดวันที่ 6 มี.ค.2568 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาต้องนำร่างกฎหมายมาให้ ครม.พิจารณาภายในกลางเดือนมี.ค.นี้

ก่อนหน้านี้มีการตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ โดยรัฐบาลส่งผู้แทนร่วมพิจารณา 2 คน คือ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เพื่อเสนอแนวคิดของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.68 ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงร่างกฎหมายแล้วเสร็จ และเปิดรับฟังความเห็นถึงวันที่ 1 มี.ค.2568 และนำความคิดเห็นไปปรับปรุงร่างกฎหมายก่อนเสนอ ครม.

นอกจากนี้การปรับปรุงร่างกฎหมายล่าสุดมีประเด็นสำคัญ คือ กฎหมายบัญญัติ 79 มาตรา โดยกำหนดเงื่อนไขอำนาจหน้าที่คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรให้ “กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 10% ของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรกรณีกาสิโนตั้งในอาคารใดให้นับสัดส่วนจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด" โดยกำหนดในมาตรา 18 (6)

นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.กำหนดให้ควบคุมการขยายพื้นที่การให้บริการกาสิโนในพื้นที่ ที่จะลงทุนเพิ่มเติมในกิจการอีก 4 ประเภทที่ลงทุนห้าม และให้มีการทำธุรกิจกาสิโนในพื้นที่ใหม่ที่จะลงทุนด้วย

นอกจากนี้ร่างกฎหมายเปิดกว้างถึงกรณีที่การลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร อาจไม่มีกาสิโนก็ได้ โดยมาตรา 6 วรรคแรก บัญญัติว่า “การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะกระทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัตินี้”

ที่ตั้งให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา

สำหรับการกำหนดพื้นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยสอดคล้องการให้อำนาจในการบริหารพื้นที่กับคณะกรรมการสถานบันเทิงครบวงจร โดยพระราชกฤษฎีกาต้องกำหนดรายละเอียด ดังนี้

1.แนวเขตที่ดินที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรโดยชัดเจน

2.แผนที่หรือแผนผังบริเวณพื้นที่ ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร

สำหรับการกำหนดพื้นที่ลงทุนให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจมาศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ และทางการเงิน ตลอดจนผลกระทบหรือมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยา และความคุ้มค่าที่ประชาชนในพื้นที่ และรัฐได้รับ

รับฟังความเห็นที่ดินข้างเคียง

โดยต้องรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสียผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินข้างเคียง และหน่วยงานของรัฐที่ใช้ประโยชน์หรือดูแลที่ดินข้างเคียงหรือทางเข้าออกของที่ดินที่อาจได้รับผลกระทบจากการอนุญาตให้มีการตั้งสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และนำผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรนำไปประกอบการพิจารณา

ส่วนการดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชนหรือชุมชนตามที่มีกฎหมายกำหนด

รวมทั้งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นการเฉพาะเพื่อพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการให้เสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับรายงานถูกต้อง และมีข้อมูลครบ

ขณะที่การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ดินของรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน

นอกจากนี้ มาตรา 12 บัญญัติว่า “ในการดำเนินการเพื่อจัดตั้ง และประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหากคณะกรรมการนโยบายเห็นว่ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งใดก่อให้เกิดความไม่สะดวกหรือล่าช้า มีความซ้ำซ้อนหรือเป็นการเพิ่มภาระการดำเนินการโดยไม่จำเป็น หรือมีปัญหาหรืออุปสรรคอื่นใดให้คณะกรรมการนโยบายเสนอ ครม.พิจารณาให้ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งดังกล่าว หรือมีกฎหมายขึ้นใหม่ เพื่อให้การดำเนินการจัดตั้ง และประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว”

ตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิง

สำหรับการบริหารกำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร” มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน พร้อมคณะกรรมการอีก 15 คน ซึ่งจะกำหนดนโยบายการบริหารจัดการ การออกใบอนุญาต การกำหนดพื้นที่ สัดส่วนการจัดตั้งกาสิโน หลักเกณฑ์การขออนุญาต และการควบคุมด้านความปลอดภัย รวมถึงการออกระเบียบ และคำสั่ง

รวมทั้งกำหนดให้มี “คณะกรรมการบริหาร”โดยมีบุคคลที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน ร่วมด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานรวม 15 คนเพื่อกำหนดอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ แผนงบประมาณ การจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการพิจารณาข้อร้องเรียน

ส่วนสำนักงานที่จัดตั้งขึ้นจะตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่และเอกสาร ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ตลอดจนสั่งหยุดการเล่นหรือพนันที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และรายงานต่อเลขาธิการ

ใบอนุญาตห้ามมีพนันออนไลน์

ขณะที่การอนุญาตต้องตั้งในพื้นที่กำหนด และประกอบธุรกิจอย่างน้อย 4 ประเภท รวมถึงกาสิโน โดยต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี และประเมินผลการดำเนินงานทุก 5 ปี ทั้งนี้ หากไม่ปฏิบัติตามแผนอาจเพิกถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นไปตามกฎหมาย และข้อกำหนด ห้ามมีพนันออนไลน์หรือโฆษณาเกี่ยวกับกาสิโน และกำหนดข้อห้ามสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ไม่ได้ลงทะเบียนตามที่กำหนด

ส่วนกรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องแก้ไขในเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนต้องชำระค่าปรับ และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยรัฐบาลมุ่งให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ สร้างความโปร่งใส และป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อสังคม

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์