เปิด 5 เมกะโปรเจกต์ 'คมนาคม' ปีนี้ ประกาศดันลงทุนทันที 1.3 แสนล้าน

เปิด 5 เมกะโปรเจกต์ 'คมนาคม' ปีนี้ ประกาศดันลงทุนทันที 1.3 แสนล้าน

“คมนาคม” เผย 5 โครงการเร่งลงทุนปีนี้ ดันเบิกจ่ายงบลงระบบเศรษฐกิจกว่า 1.3 แสนล้านบาท เดินเครื่องต่อขยายทางด่วน และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

KEY

POINTS

  • "แพทองธาร" เร่งเบิกจ่ายงบประมาณทุกกระทรวงทั่วประเทศ หลังพบว่ายังมีภาพรวมไม่มากพอ อยากให้เร่งเบิกจ่ายอีกประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • "คมนาคม" ผลักดัน 5 โครงการเร่งลงทุนปีนี้ หวังเบิกจ่ายงบลงระบบเศรษฐกิจกว่า 1.3 แสนล้านบาท เดินเครื่องต่อขยาย 4 โครงการทางด่วน และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน - ศาลายา

กระทรวงคมนาคมนับเป็นกระทรวงเกรด A ที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีในจำนวนสูง โดยในปี 2568 ได้รับงบรวม 244,579.97 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้เร่งการเบิกจ่ายของทุกกระทรวงทั่วประเทศ เนื่องจากพบว่ายังมีภาพรวมไม่มากพอ อยากให้เร่งเบิกจ่ายอีกประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในส่วนของกระทรวงคมนาคม มีงบประมาณลงทุนปีนี้จำนวนมาก และผลการเบิกจ่ายล่าสุดทำได้ใกล้เคียงกับแผนงาน โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 สามารถเบิกจ่ายสะสมที่ 39,857.94 ล้านบาท คิดเป็น 16.30% จากแผนกำหนด 41,514.45 ล้านบาท คิดเป็น 16.97% หรือภาพรวมยังต่ำกว่าแผน 1,656.51 ล้านบาท คิดเป็น 0.67%

ขณะที่งบลงทุนปี 2568 จำนวน 212,213.68 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมที่ 28,081.82 ล้านบาท คิดเป็น 13.23% โดยแผนกำหนด 28,598.21 ล้านบาท คิดเป็น 13.48% หรือยังต่ำกว่าแผน 1,656.51 ล้านบาท คิดเป็น 0.25% และในส่วนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พบว่ามีงบลงทุน 89,755.88 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 สามารถเบิกจ่ายสะสมที่ 28,429.72 ล้านบาท คิดเป็น 31.67% แผนกำหนด 26,671.28 ล้านบาท คิดเป็น 29.72% ภาพรวมจึงเร็วกว่าแผน 1,758.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.95%

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน และติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำคัญตามนโยบาย ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่าน ซึ่งตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเบิกจ่ายการประมูลให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมทั้งเร่งรัดให้ประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้

สำหรับโครงการเมกะโปรเจกต์ที่กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเปิดประมูลภายในปี 2568 มีจำนวน 5 โครงการ วงเงินรวม 134,199 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ – ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ระยะทาง 6.7 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 16,960 ล้านบาท

โดยโครงการทางด่วนสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายลดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนเกษตร - นวมินทร์ และเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยแนวเส้นทางจะเชื่อมกับทางยกระดับ N1 มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณ กม.1+000 ของถนนประเสริฐมนูกิจ บนตอม่อที่มีอยู่เดิม ผ่านแยกลาดปลาเค้า แยกเสนานิคม แยกฉลองรัช แยกนวมินทร์ ไปสิ้นสุดโดยเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพ มหานครด้านตะวันตก และมีทางขึ้นลงจำนวน 5 แห่ง

สถานะปัจจุบันคาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าว กทพ.ได้ศึกษารายละเอียด และเตรียมพื้นที่เพื่อเริ่มงานก่อสร้างทันที ดังนั้นคาดว่าหากผ่านการเห็นชอบจาก ครม.จะเปิดประกวดราคาในช่วงกลางปี และคาดว่าจะได้ตัวเอกชนในเดือน ต.ค.2568 เพื่อเริ่มก่อสร้างต้นปี 2569 และเปิดให้บริการในปี 2572

2.โครงการทางพิเศษ สายกะทู้ - ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 14,670 ล้านบาท

โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางด่วนภูเก็ต ที่แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ - ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ - เกาะแก้ว – กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร โดยขณะนี้จะเร่งดำเนินการส่วนระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตอง เนื่องจากโครงสร้างงานนี้จะเป็นการก่อสร้างงานอุโมงค์ จึงคาดว่าต้องใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีแล้วเสร็จ

สถานะปัจจุบันคาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าว กทพ.ได้ศึกษารายละเอียด และเตรียมพื้นที่เพื่อเริ่มงานก่อสร้างทันที ดังนั้นคาดว่าหากผ่านการเห็นชอบจาก ครม.จะเปิดประกวดราคาในช่วงกลางปี และคาดว่าจะได้ตัวเอกชนในเดือน ต.ค.2568 เพื่อเริ่มก่อสร้างต้นปี 2569 และเปิดให้บริการในปี 2572

3.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 (มอเตอร์เวย์ M5) ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน มูลค่าลงทุน 31,358 ล้านบาท

โครงการทางด่วนสายนี้จะแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ในแนวทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น อีกทั้งในอนาคตเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเป็นการเชื่อมต่อการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพมหานครไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ซึ่งโครงการได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67 โดยให้กรมทางหลวง ดำเนินการให้เอกชนร่วมลงทุน คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนได้ภายในปี 2568 และจะลงนามสัญญาร่วมลงทุนได้ในปี 2569

4.โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน – บางบัวทอง ระยะทางประมาณ 35.85 กม.วงเงินลงทุนโครงการ 56,035 ล้านบาท

โครงการทางด่วนเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้ากับพื้นที่ภูมิภาคโดยรอบ รวมถึงเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงพิเศษ/ทางพิเศษให้สมบูรณ์ ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ทำให้เกิดความคล่องตัว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมีจุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน สิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง

ปัจจุบันได้ผ่านการเห็นชอบจาก ครม.เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2567 เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost โดยเอกชนเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายลงทุน แต่ได้รับสิทธิจัดเก็บรายได้ และต้องรับความเสี่ยงเรื่องรายได้ ส่วนรัฐได้รับผลตอบแทนบางส่วนตามที่ตกลงกัน คาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนปลายปี 2568 ลงนามสัญญากับผู้รับจ้างในปี 2569 และเริ่มก่อสร้างได้ทันที คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2572

5.โครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน - ศาลายา ระยะทาง 20.5 กิโลเมตร วงเงิน 15,176 ล้านบาท

โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ส่วนต่อขยาย เป็นโครงการตามแผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 (M-MAP2) ในกลุ่ม A1 (พร้อมดำเนินการทันที) โดยช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา เป็นส่วนต่อขยายด้านตะวันตกจากสถานีตลิ่งชันไปสิ้นสุดที่สถานีศาลายา และมีแนวเส้นทางเพิ่มเติมเพื่อไปยังสถานีศิริราช ประกอบด้วย 8 สถานี คือ ศิริราช จรัญสนิทวงศ์ ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลิ่งชัน บ้านฉิมพลี กาญจนาภิเษก ศาลาธรรมสพน์ และศาลายา

ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อประกอบการเสนอขออนุมัติ ครม. คาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาภายในไตรมาส 1 ปีนี้