ทอท. หั่นดอกเบี้ย อุ้ม 'คิงเพาเวอร์' ยืดจ่ายหนี้ดิวตี้ฟรี 4 พันล.

ทอท. หั่นดอกเบี้ย อุ้ม 'คิงเพาเวอร์' ยืดจ่ายหนี้ดิวตี้ฟรี 4 พันล.

ทอท.รับข้อเสนอ “คิงเพาเวอร์” ลดดอกเบี้ยค้างจ่ายดิวตี้ฟรีเหลือ 9% อ้างผลกระทบโควิดทำขาดสภาพคล่อง ส่งผลค้างจ่าย Minimum Guarantee กว่า 4 พันล้านบาท ย้ำไม่มีกรณีแก้สัญญา

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จัดเก็บกับคู่สัญญากลุ่มคิงเพาเวอร์ ในการบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) จากกรณีที่คู่สัญญาดังกล่าวได้รับผลกระทบโควิด ปริมาณผู้โดยสารยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้

ทำให้คิงเพาเวอร์ขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน และค้างจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ให้กับ ทอท. ตามสัญญาระบุไว้ว่า ทอท.จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน ในอัตราร้อยละ 20 ของยอดรายได้ จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้นๆ ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

อย่างไรก็ดี คิงเพาเวอร์ค้างจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวมาตั้งแต่เดือน ส.ค.2567 โดยรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และกรณีการค้างจ่ายนั้น ทอท.ยังคงคิดดอกเบี้ยในอัตรา 18% ต่อปี หรือประมาณ 1.5% ต่อเดือน ของยอดหนี้ที่เกิดขึ้น ซึ่งคิงเพาเวอร์มองว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นจำนวนที่สูง จึงเสนอให้ ทอท.ปรับลดดอกเบี้ยและเป็นผลให้ ทอท.พิจารณาใช้เกณฑ์อัตราดอกเบี้ย MLR+2% หรือปรับลดมาอยู่ที่ประมาณ 9% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าต้นทุนทางการเงินของ ทอท.ที่เฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี

ทอท. หั่นดอกเบี้ย อุ้ม 'คิงเพาเวอร์' ยืดจ่ายหนี้ดิวตี้ฟรี 4 พันล.

“การปรับโครงสร้างหนี้ให้กับคิงเพาเวอร์ครั้งนี้ ก็เป็นเกณฑ์ที่ ทอท.นำมาปรับโครงสร้างให้กับผู้ประกอบการทุกราย ซึ่ง ทอท.ประเมินแล้วว่าไม่ได้กระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะจำนวนหนี้ก็ยังคงค้างอยู่เช่นเดิม และ ทอท.ยังได้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าต้นทุนทางการเงิน หรือ เงินกู้ที่บริษัทดำเนินการมา”

นายกีรติ กล่าวด้วยว่า ทอท.ยืนยันว่าตอนนี้จะไม่มีการแก้ไขสัญญากับคิงเพาเวอร์ และไม่ได้เอื้อประโยชน์เอกชนรายใดรายหนึ่ง เพราะใช้เกณฑ์ปรับโครงสร้างหนี้กับเอกชนทุกราย อีกทั้งยังยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ทอท. เพราะหากเอกชนจ่ายหนี้ช้า ทอท.ก็ยังคงรับรู้รายได้เท่าเดิม และยังได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น อีกทั้งภายใต้สัญญาคิงเพาเวอร์ยังมีการวางแบงก์การันตีจำนวนหนึ่ง ซึ่ง ทอท.สามารถยึดเงินส่วนนี้หากไม่สามารถเรียกเก็บหนี้กับคิงเพาเวอร์ได้

ทอท. หั่นดอกเบี้ย อุ้ม 'คิงเพาเวอร์' ยืดจ่ายหนี้ดิวตี้ฟรี 4 พันล.

ทั้งนี้ ทอท.มั่นใจว่าจะกรณีนี้จะไม่นำไปสู่การยึดแบงก์การันตี หรือเป็นเหตุให้ต้องยกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี เนื่องจากปัจจุบันมีสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ทอท.เชื่อว่าปีนี้จะมีผู้โดยสารรวมราว 130 ล้านคน เฉพาะผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะอยู่ที่ราว 65 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด และในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 80% และผู้โดยสารในประเทศ 20% ทำให้รายได้ดิวตี้ฟรีน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศ

“ตอนนี้ยอดหนี้ค้างจ่ายจากทุกคู่สัญญารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่เป็นส่วนของคิงเพาเวอร์ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลกระทบจากโควิดต่อเนื่องกันมา และตอนนี้เริ่มมีผู้ประกอบการติดต่อขอปรับโครงสร้างหนี้ เราก็มองว่าปลายทางของเรื่องนี้คงไม่ไปถึงจุดยึดแบงก์การันตี เพราะธุรกิจการบินยังไปต่อได้ ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุที่คิงเพาเวอร์แจ้งว่าได้รับผลกระทบ ก็มาจากการขอคืนพื้นที่ดิวตี้ฟรีขาเข้า ซึ่งการพิจารณาจะกลับมาเปิดดิวตี้ฟรีขาเข้าหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล”

นายกีรติ กล่าวต่อว่า เป้าหมายผู้โดยสารระหว่างประเทศ 66 ล้านคน ตามที่คิงเพาเวอร์เคยประเมินไว้ตอนประมูลดิวตี้ฟรีว่าจะเป็นปริมาณที่ทำให้เขาสามารถสร้างรายได้และให้ผลตอบแทนแก่ ทอท.ตามสัญญาระบุไว้ ตอนนี้เห็นสัญญาณบวกว่าน่าจะเกิดขึ้นใช้เวลาประมาณ 3 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น เนื่องจากปัจจุบันผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยสะท้อนจากปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. งวด 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. - ธ.ค.2567)  มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 33.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.41% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.77 ล้านคน ในขณะที่มีจำนวนเที่ยวบินรวม 204,549 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.78% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 117,333 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 87,216 เที่ยวบิน

ทั้งนี้ ทอท.ยังรายงานผลประกอบการงวด 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.27 ล้านบาท คิดเป็น 17.12% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดย ทอท. มีรายได้รวม 17,906.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.41% ซึ่งรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,956.27 ล้านบาท คิดเป็น 12.45% แบ่งเป็น รายได้เกี่ยวกับกิจการการบินมีจำนวน 8,804.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,727.76 ล้านบาท คิดเป็น 24.41% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน