‘ไทย’จะกลับมาเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียได้ไหม

เมื่อปีที่แล้ว (2567) ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทยไม่ดีเลย ลดลงแบบมีนัยสำคัญถึง 26.2% สู่ระดับ 572,675 คัน เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญ
ยอดขายที่ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 15 ปี สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังซื้อของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมทางการเงิน
ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดรถยนต์ปีนี้มี 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ของสถาบันการเงิน เรื่องที่สอง คือ ระดับหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายและชะลอตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงอย่างรถยนต์
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ การประกาศลงทุนของ ‘มาสด้า’ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ B-SUV ในประเทศไทย จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก ที่มีต่อศักยภาพของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้มาตรการส่งเสริม HEV/MHEV ที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดอีวี
การตั้งเป้าผลิตรถยนต์ถึง 100,000 คันต่อปีของมาสด้า ไม่เพียงกระตุ้นการจ้างงาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนในประเทศเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของภูมิภาค การลงทุนครั้งนี้ เราคาดว่าจะช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ในประเทศ รวมถึงพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง
มุมมองระยะยาว แม้ตลาดในประเทศจะเผชิญกับความท้าทาย แต่โอกาสส่งออกยังสดใส โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดและยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาดโลก การที่ไทยมีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงโซ่อุปทาน และทรัพยากรบุคคล จะสร้างความได้เปรียบ และช่วยดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ในอนาคต
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็น ‘ดีทรอยด์แห่งเอเชีย’ สมญานามนี้ไม่ได้มาแบบเล่นๆ เราคาดไทยจะกลับมาเป็น “ดีทรอยด์แห่งเอเชีย” ได้แบบสง่างามอีกครั้ง หากต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า จุดแข็งของไทย คือ การมีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง มีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพมากมาย มีแรงงานที่มีทักษะและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจน
ดังนั้น ไทยต้องเร่งพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า การที่ไทยจะรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ จำเป็นต้องสร้างจุดแข็งใหม่ นอกเหนือจากการเป็นฐานการผลิตที่มีต้นทุนต่ำเพียงอย่างเดียว







