ไม่ได้มีแค่กำแพงภาษี "สันติธาร" ฉายภาพไพ่ 4 ใบในมือ "ทรัมป์"

“สันติธาร” แนะจับตาไพ่อีก 4 ใบในมือ “ทรัมป์” ที่นอกเหนือจากกำแพงภาษี ใช้เจราการค้า และเจรจากับประเทศอื่นๆ ทั้งเรื่องการทหาร – พลังงาน -เทคโนโลยี และ USAID
ดร. สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งอนาคต (Future Economy) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนา “Thailand Economic Drives 2025” จัดโดยโพสต์ทูเดย์ วันนี้ (7ก.พ.) ว่านโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นอกจากเครื่องมือเรื่องกำแพงภาษีที่ทรัมป์นำมาใช้จัดการกับคู่ค้าทั้งจีนและประเทศอื่นๆทรัมป์ยังมีเครื่องมืออีก 4 ข้อที่ใช้เป็นอาวุธในการกดดันเพื่อเจรจากับประเทศต่างๆได้แก่
1.กำลังทหาร ซึ่งสหรัฐฯมีฐานทัพและกำลังทหารอยู่ทั่วโลก ซึ่งระยะต่อไปจะเห็นการใช้เรื่องนี้มากขึ้น
2.พลังงาน สหรัฐฯเป็นผู้นำในเรื่องนี้ โดยเฉพาะพลังงานฟอสซิล ซึ่งมีทรัพยากรและเทคโนโลยีในเรื่องนี้อยู่มาก ตอนนี้ทรัมป์หันมาสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ตามนโยบาย "drill baby drill" ที่สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่ง
3.เทคโนโลยี ทรัมป์พยายามใช้จุดแข็งในเรื่องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่มีทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ และมีฐานทางโซเชียลมีเดียร์ ที่จะมาควบคุมและต่อรองกับประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่านโยบายของทรัมป์นั้นได้รับการตอบรับจากบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้มองว่าในระยะต่อไปทรัมป์จะกดดดันให้สหภาพยุโรป หรือประเทศอื่นๆในยุโรปให้มาช่วยแก้ไขข้อพิพาทที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯให้มาช่วยแก้ไขข้อพิพาทที่มีอยู่กับบริษัทเหล่านี้ด้วย
และ 4.นโยบายเกี่ยวกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ “USAID” ที่ทรัมป์มีนโยบายตัดการช่วยเหลือโดยอาจจะเหลือไว้น้อยกว่า 300 คน จากจำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดกว่า 10,000 คนทั่วโลก โดยในเรื่องนี้มองว่าการตัดความช่วยเหลือในรอบนี้เพื่อให้ประเทศต่างๆที่รับการช่วยเหลือในส่วนนี้มาเจรจากับสหรัฐฯใหม่และต้องยอมรับเงื่อนไขที่สหรัฐฯกำหนดให้เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ
“สิ่งสำคัญวันนี้คือทรัมป์คิดอย่างไรไม่เท่ากับเขาคิดว่าเรื่องนั้นๆคนอเมริกันคิดอย่างไร ถ้าเขาคิดว่าคนอเมริกันชอบเรื่องนั้นก็จะตัดสินใจทำเรื่องนั้นโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา”ดร.สันติธาร กล่าว