ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังทรัมป์ย้ำคำมั่นเพิ่มการผลิต

ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดลดลงในวันพฤหัสบดี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ย้ำคำมั่นที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งทำให้บรรดานักเทรดวิตกกังวล หลังจากที่วันก่อนสหรัฐรายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบในคลังสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้มาก
รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.)ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าลดลง 32 เซ็นต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 42 เซ็นต์ หรือ 0.6%
ในวันพฤหัสบดี ทรัมป์ ย้ำคำมั่นที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐเพื่อลดราคาสินค้าโภคภัณฑ์นี้ โดยกล่าวว่าสหรัฐ จะผลิตน้ำมันให้ได้มากอย่างที่ใครไม่เคยเห็นมาก่อน
ราคาน้ำมันร่วงลงประมาณ 10% ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ซึ่งเป็นเวลา 5 วันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสหรัฐต่อคู่ค้ารายใหญ่
ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ ในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อบุคคลและนิติบุคคลในหลายประเทศ ที่อำนวยความสะดวกในการขนส่งน้ำมันดิบอิหร่านหลายล้านบาร์เรลไปยังจีน
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ให้คำมั่นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่าจะทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐ ที่จะหยุดยั้งอิหร่านจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์ของ Price Futures Group กล่าวว่า “มีประกาศออกมาแล้วว่า หากคุณเป็นผู้กลั่นหรือผู้ขนส่งที่ขนส่งน้ำมันของอิหร่าน ไม่ว่าส่วนใดของน้ำมันก็ตาม คุณมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทรวงการคลังลงโทษ”
“การจัดการกับน้ำมันของอิหร่านจะเหมือนกับซูเปอร์แมนที่ต้องเผชิญกับแร่คริปโตไนต์” เขากล่าว
ราคาน้ำมัน ยังได้รับแรงหนุนจากการตัดสินใจของบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย Saudi Aramco ที่ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ซื้อในเอเชีย
ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 2% ในวันพุธ (5 ก.พ.) เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมากส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ลดลง ขณะที่นักลงทุนยังชั่งน้ำหนักถึงผลที่ตามมาจากภาษีการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งรวมถึงภาษีสินค้าพลังงานด้วย