'เอกชน' หนุนรัฐตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ OR พร้อมรับคำสั่งงดส่งน้ำมัน

'เอกชน' หนุนรัฐตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ OR พร้อมรับคำสั่งงดส่งน้ำมัน

"เอกชน" หนุนรัฐบาลตัด "ไฟฟ้า-สื่อสาร-น้ำมัน" ใน "เมียนมา" เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ไทย ยันการค้าชายแดนไม่กระทบ ด้าน OR พร้อมและรอคำสั่งงดส่งน้ำมันจากภาคนโยบาย

จากกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 ประเด็นการตัดไฟในพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

จากนั้น นายภูมิธรรม แถลงภายหลังการประชุมว่า สมช.ได้รวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายทุกส่วนแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีประชาชนทั้งหมด 557,500 กว่าคดี รวมเงิน 86,000 กว่าล้านบาท แต่ละวันมีความเสียหาย 80 ล้านบาท 

ถือเป็นการสรุปชัดเจนจากหน่วยงานด้านข่าวที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และทั่วโลก จึงมีมติให้ ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. 2568 เป็นต้นไป 

กระทรวงการต่างประเทศ จะแจ้งให้รัฐบาลเมียนมารับทราบ ให้แจ้งสถานสถานพยาบาลให้รับรู้และเตรียมตัว โดยจะเป็นการตัดทั้ง 5 จุด ประกอบด้วย

1.จุดซื้อขายบริเวณ บ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองชู รัฐมอญ โดยบริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 

2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณ บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป(พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณ สะพานมิตรภาพไทย – พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

4.ซื้อขายไฟฟ้าบริเวณ สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยบริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ บริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

5.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณ บ้านห้วยม่วง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY) เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานแถลงข่าวในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ (5 ก.พ. 2568) ว่า เอกชนสนับสนุนให้ภาครัฐดำเนินการกับสิ่งที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนของประเทศ หากพบว่าผิดกฎหมายจริงก็ต้องทำ 

ทั้งนี้ ปัญหาหลอกลวงของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงคนจำนวนมากในหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้ไม่เปฺ็นผลดีต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยจึงต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ ทั้งการตัดระบบไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันที่มาจากไทย จึงจำเปฺ็นจะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดแม้จะส่งผลกระทบต่อกิจกาารบางอย่างทั้งของคนไทยและคนเมียนมา 

"หากเทีบบความเสียหายแล้วก็ต้องทำ เพราะจากข้อมูลที่พบไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่กระทบภาพลักษณ์ประเทศด้วย การที่รัฐบาลจริงจังทำและแก้ปัญหาหาอย่างจริงจังจะสร้างความเชื่อมั่นได้"

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกร. ยังสนับสนุนแนวทางการยกระดับการจัดการบัญชีม้าของสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก โดยที่ผ่านมา ได้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของ Mobile Banking เพื่อป้องกัน Application ดูดเงินและการควบคุมโทรศัพท์มือถือระยะไกล (Remote Access) 

งดการส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ในการติดต่อกับลูกค้า จัดให้มี Hotline รับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) พัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลในภาคธนาคาร (Central Fraud Registry) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชี ธุรกรรมต้องสงสัย และบัญชีม้า 

ทั้งนี้ ทำให้สามารถจัดการระงับบัญชีม้าไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบัญชี และเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล เพื่อความสำเร็จจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาภัยทางการเงิน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งภาครัฐและเอกชน 

รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม (Telco) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการ E-Wallet รวมถึงภาคประชาชน ที่ต้องตื่นตัวและรู้เท่าทันภัยทางการเงิน เพื่อให้แก้ไขและป้องกันภัยทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เกี่ยวกับการกรณีดังกล่าว พบว่า ปัจจุบัน OR ส่งออกน้ำมันไปเมียนมา แบ่งเป็นกลุ่ม ULG, ULR, HSD โดยมีปริมาณรวมประมาณ 15-20 ล้านลิตรต่อเดือน โดยลูกค้านำไปจำหน่ายให้กับสถานีบริการน้ำมันในเมียวดีและท่าขี้เหล็ก รวมถึง Myeik และ Kawthoung

ทั้งนี้ ปัจจุบัน OR อยู่ระหว่างรอดูความชัดเจนของแนวทางปฏิบัติ โดย OR จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ