ปรับกฎ ลดข้อจำกัด เปิดตลาดทุนให้คนตัวเล็ก

“คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” วาทกรรมที่สร้างภาพจำเกี่ยวกับการลงทุนของกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ผู้มีรายได้น้อยมักเลือกเสี่ยงโชคด้วยการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะที่คนที่มีเงินทุนและความรู้เลือกลงทุนในตลาดหุ้น
ทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ถูกมองว่าเป็นกิจกรรมของคนรวย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จึงกลายเป็นแหล่งรวมของ “คนตัวใหญ่” หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทางการเงิน และได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ขณะที่ “คนตัวเล็ก” เช่น SME/Startups กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งทุน
ไม่เพียงแค่การขอสินเชื่อจากธนาคารที่เป็นไปได้ยากแล้ว การระดมทุนผ่านตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็น SET หรือ Mai (ตลาดรองในตลาดหุ้นไทย) ยิ่ง “ไกลตัว”
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ในจำนวน SME กว่า 3.2 ล้านรายทั่วประเทศ มีไม่ถึงครึ่งที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ทั้งที่ SME มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยส่วนแบ่ง GDP กว่า 35% ของประเทศ และยังสร้างการจ้างงานกว่า 70% ของตลาดแรงงานทั้งหมด อีกทั้ง Startups ที่เป็นแหล่งสร้างนวัตกรรมสำคัญในการพัฒนาประเทศ
ด้วยเหตุนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้สร้างทางเลือกการระดมทุนในตลาดทุนให้ “คนตัวเล็ก” ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ PP-SME, Crowdfunding และ LiVEx เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษมีการพัฒนาตลาดการลงทุนทางเลือก หรือ The Alternative Investment Market (AIM) เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก
โดยในปี 2565 มีบริษัทรายเล็กเข้ามาระดมทุนในตลาด AIM มากถึง 852 ราย และมีมูลค่าการระดมทุนถึง 135,000 ล้านปอนด์
ขณะที่การระดมทุนสำหรับ SME ในประเทศไทย แม้จะมีมูลค่าการระดมรวมตั้งแต่ปี 2563 - 2567 จากทั้งตลาด PP-SME, Crowdfunding และ LiVEx เพียง 16,512 ล้านบาทก็ตาม แต่กลับมีแนวโน้มการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ Crowdfunding (ตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดย SME ผ่านคราวด์ฟันดิงแพลตฟอร์ม) ที่มีมูลค่าการระดมทุนในปี 2564 เพียง 1,263 ล้านบาท แต่มีมูลค่าการระดมทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6,156 ล้านบาทในปี 2566
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ดังกล่าวจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทว่ายังมีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขบางประการที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริม และพัฒนาตลาดการระดมทุนผ่านหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ดังนี้
1.ความสับสนของการขออนุญาตเสนอขายหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงที่เป็นหุ้นกู้มีประกัน กับหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงแบบไม่มีประกัน เนื่องจากหุ้นกู้มีประกันต้องมีการส่งเอกสารเพิ่มเติม เช่น หนังสือแต่งตั้งผู้แทนผู้หุ้นกู้ซึ่งจะเป็นผู้ที่มาช่วยดูแลรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ ทำให้จำเป็นต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตมากกว่าหุ้นกู้แบบไม่มีประกัน
ความสับสนดังกล่าวทำให้ SME/Startups ที่ต้องการเสนอขายหุ้นกู้แบบมีประกัน อาจมีความเสี่ยงที่จะเสนอขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ และทำให้ได้รับโทษปรับขั้นต่ำที่ 5 แสนบาท ซึ่งเป็นโทษปรับขั้นต่ำเดียวกับการเสนอขายหลักทรัพย์อื่นภายใต้พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยโทษปรับดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นโทษปรับที่ไม่เป็นธรรมกับ SME/Startups เนื่องจากไม่สอดคล้องกับมูลค่าการระดมทุนของ SME/Startups ที่มีมูลค่าเฉลี่ยเพียง 2 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ามูลค่าการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่
ทั้งนี้ การกำหนดโทษปรับขั้นต่ำดังกล่าว ยังเป็นการจำกัดดุลยพินิจของศาลหรือเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาโทษที่เหมาะสมกับบริบทของผู้กระทำผิด
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ SME/Startups กระทำผิดกฎหมายในการเสนอขายหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงที่เป็นหุ้นกู้แบบมีประกัน
สำนักงาน ก.ล.ต. อาจพิจารณาประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2562 เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง รวมทั้งควรพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างโทษให้สะท้อนถึงมูลค่าการระดมทุน และขนาดของธุรกิจจึงมีความจำเป็นเพื่อช่วยสร้างความเป็นธรรม และยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ SME/Startups ในทางอ้อมด้วย
2.การกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) สามารถทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (Bond Representative) สำหรับหุ้นกู้ที่เสนอขายผ่านระบบของตนได้ ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดดังกล่าวส่งผลให้ Funding Portal รายใหม่ที่มีศักยภาพอาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านทุนจดทะเบียน
จากข้อกำหนดดังกล่าว ทำให้ SME/Startups ที่ต้องการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีประกัน ต้องพึ่งพาผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จากภายนอกซึ่งนำไปสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการระดมทุน ส่งผลให้ SME/Startups เลือกที่จะเสนอขายหุ้นกู้แบบไม่มีประกัน และทำให้หุ้นกู้แบบมีประกันมีจำนวนน้อย รวมทั้งยังลดโอกาสให้นักลงทุนเลือกซื้อหุ้นกู้ที่มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงได้
ดังนั้น เพื่อลดภาระต้นทุนการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงแบบมีประกันให้กับ SME/Startups และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักลงทุนมีทางเลือกในการซื้อหุ้นกู้คราวด์แบบมีประกันที่มากขึ้น
สำนักงาน ก.ล.ต. อาจพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท จึงจะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ (Bond Representative) สำหรับหุ้นกู้ที่เสนอขายผ่านระบบของตนได้
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกฎระเบียบเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนผ่านหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงให้กับ SME/Startups ได้ แม้บางกรณีกฎเกณฑ์จะเหมาะสมแต่ยังมีอุปสรรคจากปัจจัยอื่น เช่น ความไม่พร้อมของผู้ประกอบการหรือการขาดเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดังนั้น การสร้างระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพ และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้กับ SME/Startups ทั้งด้านกฎระเบียบ การเตรียมความพร้อม และการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ
การเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ตลาดทุนกลายเป็นช่องทางที่เปิดกว้างและเป็นธรรม มุ่งหน้าสู่การเป็นตลาดทุนสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
บทวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดบทความ “โครงการกิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน” โดยทีดีอาร์ไอและกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)