‘นักวิชาการ’ แนะบทบาทไทย ‘ดุมล้ออาเซียน’ ลดผลกระทบสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ

“เกรียงศักดิ์”แนะบาทบาทไทย ดุมล้ออาเซียนลดผลกระทบสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯหนุนตั้ง ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษไทย-จีน’ ฉลอง 50 ปีการทูตสองประเทศ ชูยุทธศาสตร์ เชื่อมจีน ผ่านแนวคิด “One Belt, One Buckle”
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเสนอแนวคิดจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ "ไทย-จีน" ในประเทศไทยเฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และเทคโนโลยี มุ่งให้ไทยเป็นดุมล้ออาเซียน และลดแรงปะทะจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
โดยศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวถึงความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งของโดนัล ทรัมป์ ว่าจะทำให้จีนจะต้องเผชิญแรงกดดันระลอกใหม่จากสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดการเติบโตของจีนผ่านมาตรการกีดกันทางเศรษฐกิจและภาษี ตลอดจนการดึงการลงทุนโดยตรงกลับประเทศสหรัฐฯ
ภายใต้สภาพแวดล้อมดังกล่าว ไทยควรกำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นประเทศไทยเป็น ‘ดุมล้อของอาเซียน’ เพื่อขับเคลื่อนให้อาเซียนเป็นตัวเชื่อมระหว่างขั้วมหาอำนาจต่าง ๆ และผลักดันวาระที่ทำให้ประเทศไทยและอาเซียนได้รับประโยชน์ ขณะเดียวกัน ไทยควรร่วมมือเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับจีน ภายใต้แนวคิด ‘1 เข็มขัด 1 หัวเข็มขัด’ หรือ ‘One Belt, One Buckle’ โดยให้ไทยเป็นหัวเข็มขัดที่เชื่อมโยงเส้นทางการค้าของจีนกับอาเซียนและโลก
“ไทยมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลางของอาเซียน หากจีนต้องการขยายการเชื่อมโยงในภูมิภาค ไทยคือประเทศที่เหมาะสมที่สุด การตั้งฐานการผลิตในไทยจะช่วยให้จีนสามารถลดผลกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้ระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ไทยก็จะได้รับประโยชน์จากการลงทุน เทคโนโลยี และการจ้างงานนอกจากนี้ ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีนและสหรัฐฯ สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างสองมหาอำนาจได้”
นอกจากนี้ยังมองว่าเป็นโอกาสที่ไทยและจีนจะหารือกันในการตั้ง ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษ ไทย-จีน’ ดึงจีนย้ายฐานมาไทย โดยในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยเสนอให้จัดตั้ง ‘เมืองเศรษฐกิจพิเศษไทย-จีน’ เพื่อดึงการลงทุนจากจีนย้ายฐานมาประเทศไทย และรวมเอามหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนเข้ามาตั้งในไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษา เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ โดยมีรัฐบาลไทยกำกับดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองประเทศ โดยไม่กระทบอธิปไตยของไทย
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เสนอว่า ไทยและจีนควรมีมาตรการสนับสนุนการจัดตั้งเมืองเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว เช่น การจัดตั้ง‘กองทุน One Belt, One Buckle’ เพื่อการลงทุนข้ามพรมแดน การจัดตั้ง ‘สมาคมไทย-จีน’ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์และ การจัดตั้ง ‘คณะกรรมการยุทธศาสตร์ไทย-จีน’ เพื่อพัฒนาความร่วมมือเชิงลึกทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี
“จุดเน้นในการดึงดูดการลงทุนและความร่วมมือจากจีน ไทยควรให้น้ำหนักกับกิจกรรมที่เป็นจุดแกร่งของประเทศ ได้แก่ สุขสภาพ (Wellness) การท่องเที่ยว (Tourism) อาหาร (Food) และการดูแลผู้สูงวัย (Elderly) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพสูงขณะที่จีนก็ให้ความสำคัญกับ 4 อุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ จีนและไทยยังมีองค์ความรู้และเทคโนโลยี ที่จะช่วยสนับสนุนกันและกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของไทยและจีนในเวทีโลกได้”
การสนับสนุนการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจพิเศษ ไทย-จีน ประเทศไทยควรมีบทบาทในการขยายความเชื่อมโยงระหว่างไทยกับจีน และไทยกับโลก โดยเฉพาะการยกระดับความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน การขยายข้อตกลงการค้าเสรีไทย-จีน และทำFTA กับประเทศทั่วโลก ตลอดจนการผลักดัน ‘อาเซียนวีซ่า’ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
“การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไทย-จีน เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ไทยมีโอกาสเป็นดุมล้อของอาเซียน และจะช่วยให้เศรษฐกิจภูมิภาคแข็งแกร่ง รวมทั้งยังช่วยลดความตึงเครียดจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งโลก”