ราคาน้ำมันดิบผันผวน ผลพวงทรัมป์เตรียมกดดันอิหร่านและสงครามภาษี

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวขึ้นบางส่วนหลังร่วงลงแรงในช่วงเช้าของวันอังคาร จากข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วางแผนที่จะกลับมาใช้มาตรการกดดันอิหร่านอีกครั้งเพื่อลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เหลือศูนย์ ซึ่งช่วยชดเชยความอ่อนแอของราคาน้ำมันจากความตึงเครียดด้านภาษีระหว่างสหรัฐและปักกิ่ง
รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกวันอังคาร( 4 ก.พ.) ว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้บอกกับรอยเตอร์สว่า ทรัมป์ได้สั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐใช้มาตรการกดดันอิหร่านให้มากที่สุด รวมถึงการคว่ำบาตรและกลไกการบังคับใช้กับผู้ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐลดลง 46 เซ็นต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 72.70 ดอลลาร์ WTI ลดลงมากกว่า 3% สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมระหว่างการซื้อขาย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วโลกเพิ่มขึ้น 24 เซ็นต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 76.20 ดอลลาร์
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวว่าการกลับมาใช้ “แรงกดดันสูงสุด” ต่ออิหร่านอีกครั้งนั้น จะช่วยจำกัดการลดลงของราคาน้ำมันจากผลกระทบการขึ้นภาษีศุลกากรที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันในขณะนี้ได้
“เหตุผลที่ราคาน้ำมันร่วงลงมาใกล้ระดับต่ำสุดในช่วงการซื้อขายนั้นเป็นเพราะจีนตอบโต้ และน้ำมันก็กลับมาสูงขึ้นอีกครั้งเพราะ ‘แรงกดดันสูงสุด’ ต่ออิหร่าน” ฟลินน์กล่าว
การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีในปี 2024 เนื่องจากอิหร่านพบวิธีหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐ
ผู้ค้ากำลังจับตาดูความพยายามที่จะกำหนดวันโทรศัพท์คุยกันระหว่างทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐ ว่าประธานาธิบดีทั้งสองจะไม่พูดคุยกันในวันอังคาร แม้ว่าที่ปรึกษาการค้าของทรัมป์จะแสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันว่าได้กำหนดวันโทรหากันแล้วก็ตาม
ก่อนหน้านี้ แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าการโทรศัพท์ถึงกันระหว่างผู้นำของสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก “จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้”
ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% ของสหรัฐ มีผลบังคับใช้ในวันอังคาร ส่งผลให้ปักกิ่งประกาศขึ้นภาษีตอบโต้
จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Again Capital ในนิวยอร์กกล่าวว่า “ราคาน้ำมันร่วงลงจากการตอบโต้ของจีน ผมคิดว่าการที่ทรัมป์และสีจิ้นผิง โทรหารือกันจะทำให้ราคาน้ำมันกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร”
เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ระงับการขึ้นภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยตกลงที่จะหยุดการขึ้นภาษีเป็นเวลา 30 วัน เพื่อแลกกับการข้อตกลงการบังคับใช้กฎหมายชายแดนและปราบอาชญากรรมกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง
ภาษีที่เลื่อนออกไปนี้รวมถึงภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และภาษีนำเข้าสินค้าพลังงานจากแคนาดา 10% ซึ่งกำหนดเดิมจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร
ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่ อาจทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง ส่งผลให้ราคายังคงถูกกดดันต่อไป
เคลวิน หว่อง นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวว่า “มาตรการตอบโต้ของจีนอาจไม่หยุดอยู่แค่การเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐ 10% ซึ่งจีนอาจทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงหากสหรัฐ ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มขึ้น”
“โดยรวมแล้ว การดำเนินการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลง หากสมาชิกโอเปกพลัส ยังคงเดินหน้าเพิ่มปริมาณน้ำมันตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป”
ข้อมูลศุลกากรระบุว่าการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐ ในปี 2024 ของจีนคิดเป็น 1.7% ของการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด
จอห์น คิลดัฟฟ์ จาก Again Capital ระบุว่า
“จีนกำลังกำหนดเป้าหมายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) อย่างชาญฉลาด เพราะจะทำให้จีนต้องออกจากตลาดสหรัฐ เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้น 5-7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันสหรัฐไม่สามารถแข่งขันได้”
ในด้านอุปสงค์ นักลงทุนกำลังรอข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐ จากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน นักวิเคราะห์ที่สำรวจโดยรอยเตอร์สคาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นอื่นๆมีแนวโน้มลดลง