‘แพทองธาร’ ยกทีม 8 รัฐมนตรีไทยเยือนจีน MOU 15 ฉบับ ยกระดับความสัมพันธ์ 50 ปี

“แพทองธาร” ควง 8 รัฐมนตรี เยือนจีน 5-8 ก.พ.2568 ยกระดับการค้าการลงทุน และเศรษฐกิจ โดยมีกำหนดลงนาม MOU จำนวน 15 ฉบับในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน พร้อมหารือรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา AI และเทคโนโลยีขั้นสูง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะมีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5 – 8 ก.พ.68 นี้ จีน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ และความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปี 2568 นี้ เป็นปีทองแห่งมิตรภาพไทย - จีน ครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
โดยในการเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ มีคณะรัฐมนตรี (ครม.)ร่วมเดินทางไปด้วยมากถึง 8 คน ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเดินทางไปด้วย
ทั้งนี้ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีของไทย และผู้นำของจีนได้แก่ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน รวมทั้งนายหลี่ เฉียง (H.E. Mr. Li Qiang) นายกรัฐมนตรี จะได้เป็นสักขีพยานในการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) อย่างน้อย 15 ฉบับ โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ครม.ได้ให้ความเห็นชอบในร่าง MOU แล้ว 7 ฉบับ ส่วนที่เหลือเป็น MOU ที่เป็นฉบับย่อยลงไปซึ่งไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.
สำหรับ MOU และเอกสาร 7 ฉบับที่ ครม.เห็นชอบแล้วได้แก่ 1.การลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพราะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
3.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมกับหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 ฉบับ
4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริการไปรษณีย์ระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม และการไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
6.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แห่ง ราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์
7.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียวระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ในวันที่ 6 ก.พ.68 นายกรัฐมนตรี และคณะ มีกำหนดการเข้าประชุมหารือกับ นาย
สี จิ้นผิง (H.E. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ (H.E. Mr. Zhao Leji) ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในช่วงค่ำรัฐบาลจีนโดยนายกรัฐมนตรีจีน และคณะผู้บริหารของรัฐบาลจีนได้จัดงานเลี้ยงรับรองคณะนายกรัฐมนตรีและคณะ
จากนั้นในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ช่วงเช้านายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองฮาร์บิน ในมณฑลเฮย์หลงเจียง ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศจีน ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน โดยในช่วงเที่ยงวันดังกล่าวประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะเป็นประธานเลี้ยงต้อนรับผู้นำของแต่ละประเทศ และเชิญนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นปีทองแห่งมิตรภาพไทย - จีน (Golden Jubilee for Thailand - China Friendship) ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน โดยในช่วงเวลาระหว่างการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ จะมีกิจกรรมการพบหารือกับภาคเอกชนของจีน และไทย เพื่อพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การพูดคุยในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การพูดคุยและสนับสนุนในหลักการ (One country, two systems) และการพูดคุยในประเด็นเชื่อมโยงอุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ไฟฟ้ารถยนต์ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการพูดคุยในเรื่องของการเร่งรัดการสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศจีน
นอกจากนี้จากการเดินทางเยือนประเทศจีนในครั้งนี้ จะมีการพูดคุยถึงประเด็นความร่วมมือในด้านการศึกษาวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อที่จะเป็นการยกระดับพัฒนาบุคลากรของประเทศไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) หลายฉบับ โดยในส่วนนี้จะเป็นการยกระดับความร่วมมืออย่างรอบด้านในทุกมิติ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์