หอการค้าไทย ชี้ ตลาดโลกป่วน หลัง ”ทรัมป์”ขึ้นภาษี ยกแรก

หอการค้าไทย ชี้ หลัง”ทรัมป์”ขึ้นภาษีนำเข้า เม็กซิโกและแคนาดา ส่งผลต่อตลาดโลกแล้วทั้งตลาดหุ้น การเงิน จับตาหลัง 1 เม.ย.สหรัฐออกมาตรการอีกระลอก คาดกระทบส่งออกไทย ชง 3 ข้อเสนอรับมือความไม่แน่นอนสงครามการค้า
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าต่อ เม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งนำไปสู่การเจรจาที่สองประเทศต้องยอมถอยในที่สุด สะท้อนให้เห็นว่า Trump 2.0 ใช้นโยบายกดดันทางภาษีเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง และเป็นไปได้สูงว่านโยบายนี้จะถูกนำมาใช้กับประเทศอื่น ๆ แม้จะเป็นประเทศพันธมิตรกับสหรัฐฯ ก็ตาม หากสหรัฐฯ มองว่าเสียเปรียบทางการค้า รวมถึงจีนที่เป็นเป้าหมายหลักในการปรับขึ้นภาษีรอบล่าสุด
ขณะนี้ ผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่เริ่มแสดงให้เห็นชัดเจนต่อตลาดโลก ค่าเงินอ่อนค่าลง โดยค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัว หุ้นทั่วโลกปรับลดลง และตลาดการเงินเกิดความผันผวน ซึ่งสะท้อนว่าตลาดอยู่ในภาวะ Shock Reaction จากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในมุมมองหอการค้ามองภาพเศรษฐกิจออกเป็น 3 ระยะ หลังจากนี้ คือ
1. ระยะสั้น เชื่อว่าตลาดยังคงตกใจและมีความผันผวนสูง นักลงทุนและตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐ ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าตามแนวโน้มเงินทุนไหลออกและความกังวลของนักลงทุน ด้านภาคการส่งออกของไทยในครึ่งปีแรกน่าจะยังเติบโตได้
2. ระยะกลาง คาดว่าภาคธุรกิจและตลาดการค้าจะปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจีนอาจเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่หรือพิจารณาย้ายฐานการผลิต ซึ่งอาจส่งผลต่อการค้าในภูมิภาคอาเซียน โดยทำให้สินค้าจากจีนหลั่งไหลเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องกำหนดมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม และรักษาสมดุลของตลาดภายในประเทศ
3. ระยะยาว หอการค้าฯ ยังมองว่าเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ โดยเน้นการผลิตในประเทศ (Localization) มากขึ้น ซึ่งอาจลดโอกาสของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างไทย ซึ่งไทยเองก็จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ด้านการค้า เช่น กระจายตลาดส่งออก และ เร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีเพิ่มเติม เพื่อรองรับความผันผวนในอนาคต
“แม้ไทยยังไม่ใช่ประเทศหลักที่ถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐ แต่หอการค้าไทยมองว่านโยบายทางภาษีสหรัฐจะมีส่วนกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งคงต้องประเมินตัวเลขอีกครั้งหลังจากมีความชัดเจนของมาตรการต่าง ๆ ที่ทรัมป์น่าจะประกาศออกมาหลังวันที่ 1 เม.ย. “นายสนั่น กล่าว
ทั้งนี้ หอการค้าฯ จึงมีข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ 3 เรื่องสำคัญ คือ
1. การเตรียม TEAM THAILAND+ ที่เป็นคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเร่งศึกษาผลกระทบของไทยต่อนโยบายสหรัฐฯ ในทุก Sector และจัดทำเป็น Strategic Plan ของประเทศในการเจรจากับสหรัฐ รวมถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ ผ่านกลไก US Chamber of Commerce
2. ถือโอกาสความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกนี้ ในการโปรโมทการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิต โดยเสนอสิทธิประโยชน์ที่จูงใจ
3. เร่งเจรจา FTA ที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะไทย-EU เพื่อกระจายตลาดส่งออก ลดการพึ่งพาจีนและสหรัฐฯ และขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป