'กัลฟ์' มั่นใจไตรมาส1/68 ทำนิวไฮ ดันรายได้ทั้งปีเติบโต 15-20%

"ยุพาพิน" มั่นใจ ไตรมาส1/2568 "กัลฟ์" นิวไฮ รายได้เติบโต 15-20% "สารัชถ์" แนะไทยต้องไม่อยู่เฉย เด้งรับเศรษฐกิจ หวั่นเป็นประเทศที่ถูกลืม จ่อปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ เบื้องต้นระดับ 1,000 เมกะวัตต์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี "Chula Thailand Presidents Summit 2025" วานนี้ (3 ก.พ.2568) ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นครั้งแรกของการรวมตัวของสุดยอดผู้นำองค์กรระดับประเทศ ที่รวมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในฐานะผู้นำองค์กรชั้นนำของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประสบความสำเร็จในการบริหารงานทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวในหัวข้อ Future Thailand : Energizing Society ว่า เรื่องของพลังงานเมื่อ 30 ปีที่แล้วจะนิยมโรงไฟฟ้าถ่านหินเพราะเป็นโรงไฟฟ้าที่ถูกที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อก๊าซฯ กลายเป็นแปรตัวสำคัญและมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีสามารถอัดเหลวและส่งได้จากทั่วโลกโดยขนส่งทางเรือ เพราะด้วยประเทศไทยโชคร้ายที่ไม่ค่อยมีเชื้อเพลิงอื่นในการผลิตไฟฟ้า จะเริ่มทำเขื่อนต่างๆ แต่ก็โดนต่อต้านเยอะในช่วงนั้นซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตมาก
"ครั้นราคาก๊าซฯ ค่อนข้างผันผวนมากช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ช่วงสมัยนั้นมีคนชวนทำโซลาร์และวินซึ่งต้นทุนก็สูงมากถึง 10-20 บาท ทำให้ไม่คุ้ม จนปัจจุบันลดลงเหลือ 2-3 บาท"
ทั้งนี้ มีหลายคนบอกว่าให้พลิกวิกฤติเป็นโอกาสในช่วงโควิด ตนได้เดินทางไปต่างประเทศและโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลขนาด 464.8 เมกะวัตต์ในประเทศเยอรมนี ส่วนในสหรัฐ ได้ซื้อโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม Jackson ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ส่วนอังกฤษได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลระยะเริ่มต้น ขนาดกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ เป็นต้น
"การลงทุนต่างประเทศเยอะ เพื่อจะดูว่าจะสามารถ Development พลังงานอย่างไร รวมถึงความต้องการของการใช้พลังงานสะอาดที่มีมากขึ้น และเทคโนโลยีดีขึ้น เช่นแผงโซลาร์สมัยก่อนผลิตไฟได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ต่างจากสมัยนี้ที่ดีขึ้นมาก"
นายสารัชถ์ กล่าวว่า ในส่วนของการซื้อกิจการบริษัทโทรคมนาคม รวมถึงการทำธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี หรือแม้แต่โทเคนดิจิทัล ซึ่งในหลายเรื่องจะต้องศึกษาเพื่อให้ก้าวทันเทรนด์อนาคต ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น ทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องปรับตัว รวมถึงกัลฟ์ก็ได้ลงทุนทำท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบังด้วย เพราะสมัยก่อนจะใช้บุคลากรควบคุมเยอะ แต่ปัจจุบันใช้หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและต้นทุนถูกลงค่อนข้างมาก
"อนาคตธุรกิจที่เกี่ยวกับ Data จะมีมากขึ้น เป็นเรื่องที่มีบทบาทเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น จึงมองหา Partner ที่ประสบความสำเร็จ และบังเอิญเป็นช่วงโควิดที่เกิดขึ้นราคาหุ้นในตลาดค่อนข้างจะดีเราจึงดูและซื้อหุ้นในหลายบริษัท บางบริษัทที่ก็เจ๊งไปบ้าง ซึ่ง AIS ถื่อว่า Performance ดี ตอบโจทย์ระยะยาวจึงเข้าไปลงทุนในกลุ่มอินทัช เพราะมีผู้บริหารและผู้ถือหุ้นดี นำไปสู่ในเรื่องของโลกอนาคต"
นายสารัชถ์ กล่าวว่า ในอดีตคนมองว่า Telecom เป็นเรื่องของความท้าในเรื่องของมือถือ แต่ปัจจุบันเป็นดิจิทัล ซึ่งมี Data, 5G และฟิกซ์บรอดแบรนด์เยอะ ในส่วนของคริปโทเคอร์เรนซีและบิตคอยน์ มีคนพูดถึงนานมากแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ จนถึงจุดหนึ่งคิดว่าเมื่อมีการพูดมากขนาดนี้ หากไม่เข้าไปเกี่ยวข้องก็อาจจะลำบากจึงพยายามหา Partner ที่ดีจึงเกิดการลงทุนบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโทต่างชาติ มองว่าหากสหรัฐประกาศเงินดิจิทัลและประเทศอื่นยังไม่ทำจะเกิดปัญหาคือเงินทุนไหลกลับไปที่สหรัฐมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีต่างชาติมาเที่ยวเยอะมุ่งสู่ Digital Hub และคริปโทฮับได้ เพราะการซื้อขายผ่าน wallet จะถูกกว่าธนาคาร อนาคตจะมีการพัฒนาไปสู่การซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่
ทั้งนี้ อยากให้ความหวังอนาคตที่ดีกับประเทศไทย โดยปัญหาประเทศที่ต้องแก้ คือ หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน ยอดรถยนต์ที่ผลิตและขายไม่ได้ ถือเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข ทุกภาคส่วนก็ต้องช่วยด้วย ต้องวางแผนร่วมมือแม้ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเกษตร Wellness ไทยจะแข็งแรง
"ยอมรับว่าเรามีปัญหาเยอะ แม้จะเด่นด้านท่องเที่ยว แต่ถ้าอยู่แบบนี้ก็ต้องเป็นแบบนี้ จึงควรปรับตัว หากไม่ปรับให้ดียิ่งขึ้นจะถูกลืม หลายประเทศเริ่มเท่าเราและแซงเรา แม้จะมีสิ่งดีก็มีสิ่งไม่ดีตามมา เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต้องเข้าใจว่าเศรษฐกิจไม่รอเรา เราจึงต้องปรับตัวและพัฒนา"
หลักการทำงานคือ วิธีคิดสู่ความสำเร็จ คือ อย่าเครียดกับทุกอย่างเพราะปัญหามีมาทุกวันและแก้กันไป เช่นรถติด ฝุ่นเยอะ ถ้าแก้ปัญหาส่วนตัว ประเทศและเศรษฐกิจได้ สังคมก็จะเปลี่ยนไป เรามีปัญหาที่ยึดติดกับเศรษฐกิจเยอะที่รัฐบาลแก้ต้องผลักดันและมีอะไรที่ต้องช่วยกัน ให้ประเทศเป็นแม็กเนตเศรษฐกิจในภูมิภาค อย่าอยู่กับที่ไม่งั้นจะเป็นประเทศที่ถูกลืม จะเห็นว่า GDP ไทยโตคงที่ 2-3% ในขณะที่เวียดนามโต 6-8%
นายสารัชถ์ กล่าวว่า เทรนด์โลกพลังงานสีเขียวจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโซลาร์ และลมเพราะต้นทุนถูกลง การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะลดค่าไฟลงตนว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะจะทำให้ต้นทุนประเทศไทยลดงมีผลต่อชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ที่ถูกที่สุดในไทยคือไฟฟ้าจากถ่านหินแม่เมาะ ที่มีการปล่อยคาร์บอนเยอะ แต่ก็มีผลต่อราคาค่าไฟ
"สงครามรัสเซีย-ยูเครน เริ่มให้ยุติ ราคานำเข้าก๊าซฯ คงที่ อีกทั้ง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ผลิตก๊าซและน้ำมันมากขึ้น จะทำให้เทรนด์ค่าไฟน่าจะถูกลง อีกทั้ง ภาครัฐดูแลในด้านความมั่นคงพลังงาน ได้พยายามช่วยแทรกแซงราคาให้ไม่สูงมากนัก"
สำหรับแนวโน้มการลงทุนธุรกิจปีนี้ กัลฟ์ยังคงลงทุนเยอะ เพราะมีทั้ง ดาต้าเซ็นเตอร์ หลายหมื่นล้านบาท การลงทุนต่างประเทศซึ่งจะมีเพิ่มเติมแน่นอน อีกทั้ง การที่ ทรัมป์ สนับสนุนฟอสซิล ซึ่งกัลฟ์มีการลงทุนที่สหรัฐอยู่แล้ว โดยมีแนวโน้มจะปิดดีลใหญ่ลักษณะ M&A โรงไฟฟ้าก๊าซฯ เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์
ส่วนเทรนด์การทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ หลายประเทศพัฒนาเยอะ ส่วนประเทศไทยมองว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล เอกชนไม่ควรลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการลงทุนนิวเคลียร์ต่างประเทศก็ล่าช้า ซึ่งกัลฟ์มองว่าทำเท่าที่มีอยู่ให้ดี โดยเน้นดาต้าเซ็นเตอร์อีก พลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะขยายอีกหลายโครงการ
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำลังการผลิตที่จะออกมาใหม่ในปีนี้รวม 1,500 เมกะวัตต์ ใน 7 โครงการ ส่วนดาต้าเซ็นเตอร์ทยอยเปิดครบ 25 เมกะวัตต์ ในปีนี้ จะทำให้มีรายได้ปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท เพราะลูกค้าเต็มแล้ว ทำให้คาดการณ์รายได้รวมทั้งกลุ่มปีนี้จะโต 15-20% จากปีที่ผ่านมา เพราะฐานใหญ่ขึ้นจากปี 2567 ส่วนกำไรสูงต่ำอยู่กับค่าก๊าซฯ ด้วย
"ไตรมาส1/2568 นี้ กลุ่มกัลฟ์จะรับรู้กำไรเต็มไตรมาสทั้ง 5 โรงไฟฟ้า และผลประกอบการ AIS ที่ค่อนข้างดี จึงมองว่าไตรมาส 1 ปีนี้น่าจะนิวไฮ"
สำหรับการลงทุนต่างประเทศศึกษาหมด ทั้ง ยุโรป สหรัฐ เอเซีย โดยจะต้องเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนดี ทั้งโซลาร์ ลม โรงไฟฟ้าก๊าซ ต้องบาลานซ์ไปด้วยกันทั้งพลังงานหมุนเวียนและฟอสซิล
คาดการณ์นำเข้าก๊าซฯ ปีนี้อยู่ที่ 70 ลำ หรือ 5 ล้านตัน เพื่อใช้ในโครงการ 5 พันเมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าหินกอง ส่วนงบลงทุนปีนี้เฉลี่ย 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนงบ 5 ปี ที่ราว 1 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ลงทุนพลังงานหมุนเวียน 70-80%"