พาณิชย์ จับมือ ธ.ก.ส. พัฒนาระบบจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำ MOU กับ ธ.ก.ส. พัฒนาระบบรองรับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันแบบ Host to Host เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มีเงินทุนต่อยอดธุรกิจให้เติบโต
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host และการส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นผ่านการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ซึ่งเป็นระบบที่รองรับการรับ-ส่งข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธ.ก.ส.
พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ให้มีความพร้อมในการแข่งขัน และบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง ผ่านการใช้ประโยชน์จากกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายนภินทร กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะเปิดทางสร้างความสำเร็จให้ SME และต่อยอดสู่การเติบโตของเศรษฐกิจของไทยโดยใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพของทั้ง 2 หน่วยงาน มาช่วยขับเคลื่อน ได้แก่ การพัฒนาระบบเพื่อรองรับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างกรมฯ กับสถาบันการเงิน (ธ.ก.ส.) โดยตรง ซึ่งจะทำให้สามารถรับ-ส่งคำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพย์สินในรูปแบบไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อโดยไม่ต้องตัดต้นไม้ รวมทั้ง ยังสามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ประกอบกับเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิตสอดรับกับการพัฒนาธุรกิจของไทยสู่อนาคตที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว
ทั้งนี้ 2 หน่วยงานจะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการในการสร้างความรู้ ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ปลูกป่า และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วย
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นอกจากมีภารกิจการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการแล้ว ยังกำกับดูแลกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยการนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ประกอบกิจการต่อไปได้
โดยทรัพย์สินที่สามารถนำมาเป็นหลักประกันตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ได้แก่ กิจการ เช่น ร้านอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัค) สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิในเงินฝาก อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น คอนโดมิเนียม ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินอื่น ได้แก่ ไม้ยืนต้น
“ปัจจุบันเกษตรกรใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 1,520 ต้น วงเงินหลักประกันมากกว่า 10 ล้านบาท และจากสถิติของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในภาพรวมมีการจดทะเบียนรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 167,302 ต้น วงเงินหลักประกันกว่า 185 ล้านบาท” นายนภินทร กล่าว