ศึกชิง SAF น้ำมันอากาศยานยั่งยืน ‘บางจาก-GC’ เร่งเครื่องผลิต

ศึกชิง SAF น้ำมันอากาศยานยั่งยืน ‘บางจาก-GC’ เร่งเครื่องผลิต

“บางจาก-ปตท.” ชิงเบอร์ 1 ผลิตน้ำมันอากาศยานชีวภาพ “จีซี” ประกาศผลิตเชิงพาณิชย์ก่อน เฟสแรกปีละ 6 ล้านลิตร “บางจาก” เร่งเครื่องผลิตไตรมาส 2 เฟสแรกวันละ 1 ล้านลิตร หลังลงทุนใหญ่หมื่นล้าน “บาฟส์” มั่นใจดีมานด์พุ่ง หนุน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-สมุย” บริการน้ำมันปล่อยลดคาร์บอน

KEY

POINTS

  • ปี 2568 EU กำหนดให้สายการบินที่บินเข้ายุโรปใช้น้ำมัน SAF 3% จะเพิ่มเป็นขั้นบันได 15-50% ภายในปี 2593 ไทยเตรียมประกาศใช้ปี 2569 1% และทยอยปรับขึ้น 3-5%
  • BAFS ประเมินศักยภาพวัตถุดิบในประเทศของไทยว่านำมาผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน สำหรับการใช้ Used Cooking Oil อยู่ในระดับ 1-2% 
  • บางจากฯ จะเริ่มผลิตในช่วงต้นไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน
  • กลุ่มปตท. โดย GC วางแผนผลิตปีละ 6 ล้านลิตร และขยายเป็น 24 ล้านลิตรต่อปี โดยปรับปรุงโรงกลั่นเดิม

เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF ได้รับความสนใจมากขึ้นจากข้อกำหนดจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในขณะนี้หลังหลายประเทศกำหนดให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน โดยมีประเทศที่ประกาศบังคับใช้แล้ว ได้แก่ สหภาพยุโรป (EU) สหรัฐ ญี่ปุ่น อินโดนีเซียและอินเดีย 

ทั้งนี้ ในปี 2568 EU กำหนดให้สายการบินที่บินเข้ายุโรปต้องใช้น้ำมัน SAF สัดส่วน 3% รวมทั้งจะปรับเพิ่มเป็นขั้นบันได 15-50% ภายในปี 2593 ส่วนสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เตรียมประกาศใช้เช่นกันจะเริ่มในปี 2569 สัดส่วน 1% และทยอยปรับขึ้นเป็น 3-5%

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้โรงกลั่นน้ำมันในไทยมีแผนลงทุนผลิตน้ำมันชนิดนี้ ทั้งกลุ่มบางจากและกลุ่มปตท. รวมถึงผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยานที่ต้องวางแผนให้บริการน้ำมันอากาศยานชีวภาพ

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS กล่าวว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ประเมินศักยภาพวัตถุดิบในประเทศของไทยว่านำมาผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน สำหรับการใช้ Used Cooking Oil อยู่ในระดับ 1-2% 

ทั้งนี้ ในขั้นต้นไทยกำหนดเป้าหมายการใช้ SAF อยู่ที่ 1% ของการใช้น้ำมันอากาศยาน ในปี 2026 และส่งเสริมให้สนามบินหลักของประเทศมีน้ำมัน SAF ในการให้บริการ และขับเคลื่อนผู้ผลิตน้ำมันตอบโจทย์การลดการปล่อยคาร์บอนภาคการบินของไทย

ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายการใช้ SAF ของไทยมีที่มาจากการหารือร่วมกันทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้ขาย SAF ผู้ใช้ SAF ได้แก่ ตัวแทนสายการบิน ผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยาน (BAFS) หน่วยงานภาครัฐ ที่กำกับดูแลทั้ง ภาคพลังงาน ภาคการบิน และหน่วยงานรัฐอื่นที่สนับสนุนให้กลไกการส่งเสริม SAF 

ขณะที่ระยะยาวไทยต้องมองหาวัตถุดิบอื่นที่ประเทศที่มีจุดเด่นด้านเกษตรกรรมได้เปรียบเพื่อนำมาผลิต SAF โดยยังตอบโจทย์หลักความยั่งยืนทุกด้าน โดยไม่ว่าจะผลิตจากวัตถุดิบใด สิ่งที่สำคัญและเป็นหัวใจของน้ำมันอากาศยาน นั่นคือ น้ำมันต้องมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะนำมาซึ่งความปลอดภัยของผู้โดยสาร

สำหรับความคืบหน้าภาพรวมการเตรียมพร้อมด้าน SAF ของ BAFS ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยาน ณ สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง แบ่งป็น

1.ด้านบุคคลากร จัดการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการให้บริการ SAF เพื่อวางแผนระยะสั้นและยาวที่ครอบคลุมทุกส่วน เช่น การควบคุมคุณภาพนํ้ามัน การตรวจสอบความยั่งยืนของนํ้ามัน การใช้ประโยชน์จากระบบและอุปกรณ์เดิมของกลุ่มบริษัท รวมทั้งสถานที่ที่เหมาะสมในการผสมนํ้ามันระหว่าง Conventional Jet Fuel และ Synthetic Blending Component (SBC)

2.ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ เนื่องจากคุณสมบัติ Drop-in Fuel ซึ่งใช้อุปกรณ์เดิมและเครื่องยนต์อากาศยานเดิมจึงไม่กระทบ และที่ผ่านมา บริษัทได้สนับสนุนบริการเติม SAF สนามบินสมุยให้กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และที่สนามบินสุวรรณภูมิให้สายการบินไทยเวียดเจ็ต ซึ่งพร้อมสนับสนุนให้เกิด SAF ในสนามบินไทย

รวมทั้ง BAFS ได้ขอรับรอง ISCC-CORSIA ทั้งพื้นที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการให้บริการนํ้ามัน SAF ในปี 2568 ซึ่งได้พัฒนาระบบการรายงานปริมาณน้ำมัน กระบวนการรับน้ำมัน การจัดเก็บและการจ่ายออกนํ้ามันให้สายการบิน เพื่อให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้ตามเกณฑ์ความยั่งยืนที่เหมาะสม

บางจากเดินเครื่องผลิตไตรมาส 2

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ ร่วมกับ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ลงทุนหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว SAF วงเงิน 10,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว SAF รายแรกในประเทศไทย โดยอยู่ในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมัน บางจาก พระโขนง ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำลังดำเนินการตามแผนกว่า 70%และจะเริ่มผลิตในช่วงต้นไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน

กลุ่ม ปตท.ชิงเบอร์ผู้ผลิตรายแรก SAF

ขณะที่กลุ่ม ปตท.ได้มีการดำเนินการผ่านบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC โดยได้ประกาศความสำเร็จการผลิต SAF เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2568 โดยต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการกลั่นและเคมีภัณฑ์ชั้นสูงมาเป็นนวัตกรรมพลังงานสะอาดสำหรับอุตสาหกรรมการบิน

นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวว่า การผลิต SAF เชิงพาณิชย์ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วพร้อมรองรับความต้องการพลังงานทดแทนของอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ไทยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยความต้องการของตลาด SAF เติบโตเร็วจากความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์

ทั้งนี้ GC ได้เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรและการบริหารจัดการวัตถุดิบผ่านการนำน้ำมันพืชใช้แล้วภายในประเทศมาผลิตเป็นน้ำมันอากาศยานชีวภาพเชิงพาณิชย์ โดยในเฟสแรกวางแผนผลิตปีละ 6 ล้านลิตร ซึ่งใช้น้ำมันพืชใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลัก และมีแผนขยายการผลิตเป็น 24 ล้านลิตรต่อปี ด้วยการปรับปรุงโรงกลั่นเดิมทำให้ประหยัดการลงทุนเมื่อเทียบการสร้างโรงงานใหม่

นอกจากนี้ GC ได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ คือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการนำน้ำมันชนิดดังกล่าวไปใช้กับเที่ยวบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ขณะที่บริษัทในกลุ่ม ปตท.อย่าง OR ได้เร่งแผนธุรกิจน้ำมันอากาศยานชีวภาพ โดยร่วมกับสายการบิน 3 แห่ง คือ การบินไทย เวียตเจ็ทแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อทำการตลาด รวมทั้งเมื่อเดือน ธ.ค.2567 นายดิษทัต ปันยารชุน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR ออกมาระบุว่าจะเพิ่มสัญญากับอีก 1 สายการบินในช่วงเดือน ม.ค.2568 

"เรื่องนี้เลี่ยงไม่ได้เรื่องนี้เพราะยุโรปมีข้อกำหนดบังคับให้เติม ซึ่งในไทยอีกไม่นานจะบังคับให้เติม 2% ถือว่าสัดส่วนไม่น้อย” นายดิษทัต กล่าว