วงการธุรกิจผิดหวังการทำงานบอร์ดกขค. หวังชุดใหม่ปฏิรูปการทำงาน

วงการธุรกิจผิดหวังการทำงานบอร์ดกขค. หวังชุดใหม่ปฏิรูปการทำงาน

วงการธุรกิจ จับตาการทำงานกขค. ใกล้ชิด หวังให้เป็นที่พึ่ง แก้ปัญหาการค้าไม่เป็นธรรม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หลังขณะนี้ ยังพบรายใหญ่ใช้อำนาจเหนือตลาดเอาเปรียบรายเล็ก คาดหวังคัดเลือก  3  กรรมการใหม่  สร้างการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมอย่าแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ วงการธุรกิจกำลังจับตาการทำงานของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (สำนักงานกขค.) อย่างใกล้ชิด หลังจากจัดตั้งตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 เป็นเวลามากกว่า 7 ปี เพื่อทำหน้าที่ป้องกันพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม เช่น การผูกขาด การฮั้ว ฯลฯ และไม่ให้ธุรกิจรายใหญ่ทำธุรกิจเอาเปรียบรายเล็ก เพราะปัจจุบัน การแข่งขันทางธุรกิจในไทยรุนแรงมากขึ้น

อีกทั้งยังมีการควบรวมธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบางรายที่รวมธุรกิจกันแล้ว กลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด หรือบางธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดอยู่แล้ว อาจใช้อำนาจเหนือตลาดทำธุรกิจเอาเปรียบคู่แข่ง และธุรกิจรายเล็กในตลาดเดียวกันจนได้รับผลกระทบทางธุรกิจ อย่างกรณีของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศโดยตรง

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งบางราย ทำธุรกิจเอาเปรียบคู่ค้ารายเล็ก โดยเฉพาะการประวิงเวลาชำระเงินให้หลังจากรับสินค้าจากซัปพลายเออร์รายเล็กมาแล้ว แต่กลับชำระเงินให้ในอีก 60 วันข้างหน้า ทั้งๆ ที่ควรชำระเงินทันที ส่งผลให้วงจรเงินสด  (Cash Cycle) ของรายเล็กติดลบมากกว่า 30 วัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าตามเงื่อนไขของมาตรา 50 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ที่เป็นการกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินที่ไม่เป็นธรรมต่อคู่ค้า สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะสามารถนำเงินสดไปลงทุนซื้อกิจการต่างๆ โดยมีภาระเงินกู้น้อยกว่าคู่แข่งรายอื่น

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เกี่ยงข้องกับปัจจัย 4 ซึ่งกระทบต่อประชาชนโดยตรง และมีอำนาจเหนือตลาดที่จะกำหนดราคาและเงื่อนไขการค้าอย่างไม่เป็นธรรมเอาเปรียบธุรกิจรายเล็กอีก เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่มีรายใหญ่เพียง 2 ราย ซึ่งสามารถกำหนดโครงสร้างราคาได้อย่างอิสระ ทำให้คู่ค้ารายเล็กเสียเปรียบ หรือธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ที่ควบรวมกันในช่วงที่ผ่านมา และกำหนดค่าบริการแปลกใหม่ ทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องจ่ายเพิ่มอย่างไม่มีทางต่อรอง หรือธุรกิจสายการบิน ที่สายการบินรายใหญ่ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงินเกินต้นทุนจริง หรือกำหนดราคาค่าโดยสารอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น

ขณะที่ผลงานของ กขค. พบว่า รายงานล่าสุดเพียงปี 65 มีการฟ้องผู้ประกอบการเพียงรายเดียวจำนวนเงิน 2.85 ล้านบาท กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ นอกจากนั้นเป็นการเรียกค่าปรับในกรณีไม่แจ้งผลการรวมธุรกิจภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ มีเรื่องร้องเรียน 72 เรื่อง มีผลการวินิจฉัย 94 เรื่อง

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ชุดปัจจุบัน  มีกรรมการ 3 คนครบวาระการดำรงตำแหน่ง ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองประธาน นายรักษกชา แฉ่ฉาย และนางปัทมา เธียรวิศิษฏร์สกุล กรรมการ และเมื่อช่วงกลางเดือนธ.ค.67 สำนักงาน กขค. ได้เปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการใน กขค. 3 คนแทนกรรมการที่ครบวาระ ซึ่งพบว่า มีผู้สมัครเพื่อรับการคัดเลือกทั้งสิ้น 27 ราย รวมถึงทั้ง 3 รายที่ครบวาระ

โดยจะเชิญมาแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ทั้งนี้ วงการธุรกิจ โดยเฉพาะรายเล็ก หวังว่า บุคคลที่จะผ่านการคัดเลือกนั้น จะเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่ง และที่สำคัญ จะเข้ามาขับเคลื่อนบทบาท และภารกิจของ กขค.ให้โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาของรายเล็กได้อย่างแท้จริง

นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กล่าวว่า  ถิติการรวมธุรกิจของสำนักงาน กขค. ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 พบว่า มีจำนวน การรวมธุรกิจทั้งหมด 163 กรณี หรือคิดเป็นมูลค่าการรวมธุรกิจ 4.88 ล้านล้านบาท โดยในปี 2565 มีจำนวน การรวมธุรกิจมากที่สุดถึง 42 กรณี ในขณะที่ปี 2564 มีมูลค่าการรวมธุรกิจมากที่สุดสูงถึง 2.05 ล้านล้านบาท เนื่องจาก ในปีดังกล่าวมีกรณีการรวมธุรกิจที่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องขออนุญาตรวมธุรกิจ ซึ่งมักมีมูลค่าการรวมธุรกิจสูง

นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมามีจำนวนการรวมธุรกิจ 21 กรณีคิดเป็นมูลค่าการรวมธุรกิจ 5.99 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกรณี การแจ้งผลการรวมธุรกิจ 17 กรณี และขออนุญาตรวมธุรกิจ 4 กรณี

โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ มีมูลค่าการรวมธุรกิจ สูงที่สุดถึง 1.82 แสนล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจการแพทย์ที่แม้จะมีเพียง 1 กรณี แต่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องขออนุญาต รวมธุรกิจ ซึ่งมีมูลค่าการรวมธุรกิจสูงถึง 1.25 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมมูลค่าการรวมธุรกิจของทั้งสองธุรกิจดังกล่าว จะพบว่ามีมูลค่ากว่า 51% ของมูลค่าการรวมธุรกิจในปี 2567

ทั้งนี้ในปี 2568 คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมประเภทบริการ (Services) และสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองด้าน การรวมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อมูลสถิติการรวมธุรกิจในประเทศไทย ปี 2566 - 2567 สะท้อนจำนวน และมูลค่าการรวมธุรกิจที่สูงเป็นสองอันดับแรกของประเภทอุตสาหกรรม