ราคาทองฟื้นตัว ความไม่แน่นอนนโยบายภาษีศุลกากรดันตลาด

ราคาทองคำฟื้นตัวในวันอังคารจากการลดลงในวันจันทร์ซึ่งเกิดจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยีในตลาดอย่างหนัก ขณะที่ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนยังคงสนใจสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันอังคาร(28 ม.ค.) ว่า ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ 2,763.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำร่วงลงกว่า 1% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมในช่วงก่อนหน้า โดยได้รับแรงกระตุ้นจากโมเดล AI ต้นทุนต่ำและใช้พลังงานต่ำของ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากจีน
ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 1.2% อยู่ที่ 2,770.90 ดอลลาร์
“ผมคิดว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือความคิดเห็นของทรัมป์เมื่อวานนี้เกี่ยวกับมาตรการภาษี... และในขณะนี้ ปัจจัยความสัมพันธ์กับราคาทองคำนั้นมีทั้งภูมิรัฐศาสตร์และการคาดการณ์เงินเฟ้อ” แดเนียล พาวิโลนิส นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าว
ทรัมป์กล่าวในวันจันทร์ (27ม.ค.) ว่าเขาวางแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าชิปคอมพิวเตอร์ ยา และเหล็ก เพื่อพยายามให้ผู้ผลิตต่างๆ เข้ามาผลิตสินค้าเหล่านี้ในสหรัฐ
นอกจากนโยบายของทรัมป์จะถูกมองว่าทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า ส่งผลให้ความต้องการทองคำแท่งซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ขณะนี้ นักลงทุนให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งกำหนดจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้
ขณะที่ตลาดคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด จะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเมื่อสิ้นสุดการประชุม 2 วัน
อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์กล่าวว่าเขาต้องการให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ
ฟิลลิป สไตรเบิล หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของบลูไลน์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า “เรายังไม่ได้อยู่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลมากนัก ดังนั้นโมเมนตัมขาขึ้นก็อยู่ที่นั่นแล้ว เราแค่ต้องการตัวกระตุ้นบางอย่างเพื่อให้มันเกิดขึ้น”
ผลสำรวจของรอยเตอร์สระบุว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะทำลายสถิติในปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาของแพลตตินัมและแพลเลเดียมในปี 2568 ลง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนต่อความต้องการซื้อ