'สุริยะ' แจงงบกลางชดเชยรถไฟฟ้าฟรี 190 ล้านบาท ส่วนของ รฟม.ดึงใช้กำไรสะสม

'สุริยะ' แจงงบกลางชดเชยรถไฟฟ้าฟรี 190 ล้านบาท ส่วนของ รฟม.ดึงใช้กำไรสะสม

“สุริยะ” แจงของบกลางชดเชยนโยบายรถไฟฟ้า - รถเมล์ฟรี เหลือ 190 ล้านบาท หลังสำนักงบประมาณเสนอส่วนของรถไฟฟ้าภายใต้กำกับของรัฐบาล ให้ดึงเงินรายได้สะสมของ รฟม.ไปอุดหนุนแทน ย้ำเตรียมชดเชย BTS เคาะตัวเลข 133 ล้านบาท ส่วนปริมาณผู้โดยสารเกินจากสถิติเฉลี่ยเจรจาเอกชนให้ขึ้นฟรี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลจากการดำเนินนโยบายให้ประชาชนได้ใช้บริการ รถไฟฟ้าฟรี และรถโดยสารประจำทางสาธารณะ (รถเมล์ฟรี) รวมระยะเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 - 31 ม.ค. 2568 เพื่อต้องการให้ปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5

ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รายงานข้อมูลจากการเก็บสถิติ พบว่าปกติแล้ว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะมีปริมาณรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคัน โดยจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็น รถยนต์ส่วนบุคคล ประมาณ 5 ล้านคัน ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาตรการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ พบว่าการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ลดลงประมาณ 10% หรือลดลง 5 แสนคัน

สำหรับภาพรวมปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าทั้งหมดของเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.2568) อยู่ที่ 2,172,345 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 23.65% จากเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่มีผู้ใช้บริการรวม 1,756,772 คน-เที่ยว ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามการให้บริการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด

'สุริยะ' แจงงบกลางชดเชยรถไฟฟ้าฟรี 190 ล้านบาท ส่วนของ รฟม.ดึงใช้กำไรสะสม

ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้รายงานข้อมูลถึงสถิติจำนวนผู้โดยสารใช้บริการรถเมล์ฟรี โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ม.ค. 2568 มีจำนวน 580,287 คน มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเปรียบเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. 2568 ขณะที่วันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. 2568 มีจำนวน 596,662 คน เปรียบเทียบกับวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. 2568 เพิ่มขึ้น 43.84%

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนให้การตอบรับที่ดี และพร้อมที่จะเข้าร่วมการรณรงค์ในการลดใช้รถยนต์ส่วนบุคคลอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม รถเมล์ทุกคัน ได้ดำเนินการตรวจสภาพรถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และตรวจวัดควันดำก่อนนำรถออกให้บริการ เพื่อช่วยลดการเกิดมลภาวะทางอากาศ

สำหรับแนวทางการชดเชยในส่วนของรายได้จากมาตรการรถไฟฟ้าฟรีและรถเมล์ฟรี นั้น ก่อนหน้านี้กระทรวงฯ ประเมินจัดใช้งบรวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น การชดเชยส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเขียว 133 ล้านบาท ส่วนของรถไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การกำกับของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รวม 124 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีแดง 4.89 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีทอง 7.8 แสนบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 51.7 ล้านบาท

'สุริยะ' แจงงบกลางชดเชยรถไฟฟ้าฟรี 190 ล้านบาท ส่วนของ รฟม.ดึงใช้กำไรสะสม

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้พิจารณาแล้วเสนอว่าส่วนของรถไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การกำกับของ รฟม.เนื่องด้วยเป็นโครงการของรัฐบาลและต้องนำเงินรายได้ส่งรัฐบาลอยู่แล้ว จึงเสนอให้โครงการรถไฟฟ้าของ รฟม.จัดใช้เงินกำไรสะสมของ รฟม.ในการชดเชยรายได้ส่วนนี้ ซึ่งปัจจุบัน รฟม.มีกำไรสะสมเพียงพออยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้รัฐบาลประเมินว่าจะต้องจัดใช้งบกลางเพื่อชดเชยรายได้ตามนโยบายรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรีเมื่อหักส่วนของ รฟม.ออกจะเหลือเพียง 190 ล้านบาท

โดยตัวเลขชดเชยนโยบายนี้เป็นการประเมินจากสถิติย้อนหลังตามค่าเฉลี่ย และไม่ได้นำจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเข้ามาคำนวณแต่อย่างใด ซึ่งกระทรวงฯ ได้เจรจากับเอกชนทั้งบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือ BEM พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยจะยกเว้นการจัดเก็บและคำนวณการชดเชยรายได้ที่เป็นส่วนต่างผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า เมื่อคำนวณตัวเลขล่าสุดแล้ว กระทรวงฯ จึงเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อขออนุมัติจัดใช้งบกลางต่อไป โดยยืนยันว่านโยบายนี้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน และสามารถลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้จริง อีกทั้งยังสนับสนุนให้มีการใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย จะประสพผลสำเร็จ และมั่นใจว่าประชาชนจะให้การตอบรับที่ดี และหันมาใช้รถสาธารณะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นขอยืนยันว่า รถไฟฟ้า ทุกสี และทุกสายนั้นจะเข้าร่วมโครงการ ตามที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน

สำหรับแผนระยะกลาง - แผนระยะยาวนั้น จะเร่งดำเนินการส่งเสริมการขนส่งสาธารณะ พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงพิจารณาด้านมาตรการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) โดยการสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้ง ปรับภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นอกจากนั้น จะจำกัดการใช้รถยนต์เก่า หรือจัดเก็บภาษีรถเก่า และเสริมสร้างแนวความคิดในการบูรณาการสวัสดิการกับนโยบายของแต่ละหน่วยงาน ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ จะปรับสู่รูปแบบ EV ทั้งหมด เพื่อมุ่งเน้นสร้างเสถียรภาพ และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว