“ลานีญ่า”อ่อนแรงส่ง“เอลนีโญ”รุกคืบ ช่วงฤดูฝน“เกษตร”ผวาแล้งเร่งแผนรับมือ

“ลานีญ่า”อ่อนแรงส่ง“เอลนีโญ”รุกคืบ   ช่วงฤดูฝน“เกษตร”ผวาแล้งเร่งแผนรับมือ

ตั้งแต่เดือน เม.ย. นี้เป็นต้นไป ลานีญ่าจะลดกำลังลงเปลี่ยนเข้าสู่เฟสกลาง และเริ่มก้าวเข้าสู่เอลนีโญ ซึ่งตรงกับฤดูฝนของไทยพอดี ทั้งหมดจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่กรมชลประทานต้องเตรียมรับมือ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในปี 2567 ที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก แต่ยังต้องเฝ้าระวังภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำจะเป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับทุกกิจกรรม โดยกรมชลประทานได้ติดตามผลทุกระยะและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ภายใต้แผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งเพื่อการเพาะปลูก ปี 2567/2568

“ลานีญ่า”อ่อนแรงส่ง“เอลนีโญ”รุกคืบ   ช่วงฤดูฝน“เกษตร”ผวาแล้งเร่งแผนรับมือ

      สำหรับการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2568 เน้นการติดตามสถานการณ์และปรับแผนแบบเรียลไทม์ โดยนำข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) มาประกอบการตัดสินใจ กรมชลประทานให้ความสำคัญกับพื้นที่เสี่ยงน้ำขาดแคลน เช่น ทุ่งบางระกำ และพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังจำนวนมาก

เพื่อเป้าหมายลดผลกระทบประชาชน กรมชลประทานได้ออกมาตรการรับมือฤดูแล้งไว้หลายมาตรการ อาทิ การสำรองน้ำไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้า, การจัดเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือ เช่น เครื่องสูบน้ำ 2,289 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 102 คัน และเครื่องจักรสนับสนุนอื่น ๆ รวม 5,382 หน่วย, การกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ,การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำร่วมกับการประปานครหลวง เป็นต้น

นายธเนศ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยากรมชลประทาน กล่าวว่า ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่มีปริมาณน้ำใช้การอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก รวมทั้งสิ้น 44,250 ล้าน ลบ.ม. (ข้อมูล 1 พ.ย. 67) วางแผนจัดสรรน้ำชลประทานตามลําดับความสําคัญดังนี้ เพื่อ การอุปโภค-บริโภค 3,050 ล้าน ลบ.ม. การรักษาระบบนิเวศและอื่น ๆ 8,765 ล้าน ลบ.ม. อุตสาหกรรม 800 ล้าน ลบ.ม. และเพื่อการเกษตร 16,555 ล้าน ลบ.ม.

สําหรับเขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเกษตรและการอุปโภคในพื้นที่ภาคกลาง มีปริมาณน้ำต้นทุน 14,992 ล้าน ลบ.ม. ยืนยันเพียงพอที่จะกิจกรรมต่าง ๆ จนสิ้นสุดฤดูแล้ง ตามแผนจัดสรรน้ำชลประทานแยกเป็น เพื่ออุปโภค-บริโภค 1,150 ล้าน ลบ.ม. การรักษาระบบนิเวศและอื่น ๆ 1,305 ล้าน ลบ.ม. อุตสาหกรรม 135 ล้าน ลบ.ม. และเพื่อการเกษตร 6,410 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 – ปัจจุบัน ใช้น้ำไปแล้ว 11,933 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 41% ของแผนจัดสรรน้ำ(1 พ.ย.-20 ม.ค. 68)

โดย 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ใช้น้ำไป 65.48 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 ถึงปัจจุบัน ใช้น้ำไปแล้ว 3,876 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 43% ของแผนจัดสรรน้ำ( 1 พ.ย.-20 ม.ค. 68)

ส่วนแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2567/68 ทั้งประเทศ จำนวน 15.98 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 10.02 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.62 ล้านไร่ ลุ่มเจ้าพระยา จำนวน 7.87 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 6.47 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.91 ล้านไร่ ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2567/68 

(ข้อมูล ณ วันที่ 15 ม.ค. 2568) ทั้งประเทศ จำนวน 10.65ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 7.95 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.41 ล้านไร่ ลุ่มเจ้าพระยา จำนวน 6.07 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว5.97 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.10 ล้านไร่

ปัจจุบันอยู่ในช่วงบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ กลาง อีสาน และภาคตะวันออก ได้กำชับไปยังโครงการชลประทาน นำข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) มาบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้มีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ด้วยความประณีต โดยเฉพาะเขตทุ่งบางระกำ และพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำเจ้าพระยา ที่มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังเป็นจำนวนมาก ตลอดจนสำรองน้ำไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้า พร้อมเฝ้าระวังรักษาคุณภาพน้ำร่วมกับการประปานครหลวง (กปน.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2567/68 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ รวมไปถึงการกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งรักษาระดับน้ำใต้ดินในป่าพรุทางภาคใต้ให้สมดุล เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่ในช่วงฤดูแล้งนี้ และลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

สำหรับการให้ความช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในพื้นที่ชลประทานช่วงฤดูแล้งปี 2567/68 โดยกรมชลประทานเตรียมความพร้อม จัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือในช่วงฤดูแล้ง ปี 2567/68 จำนวน 5,382 หน่วย ประจำทั้ง 76 จังหวัด (ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 1-7 และสำนักเครื่องจักรกล จังหวัดนนทบุรี) ไว้ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ให้สามารถนำไปช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหาอุทกภัย แบ่งเป็น เครื่องสูบน้ำจำนวน 2,289 เครื่อง เครื่องรถบรรทุกน้ำ 102 เครื่อง และเครื่องจักรกลสนับสนุน อื่น ๆ 2,991 หน่วย

นอกจากนี้ ได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำฤดูแล้ง ปี 2567/68 ของกรมชลประทาน ทั้งจากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) คณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) กลุ่มผู้ใช้น้ำ และ การประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ซึ่งผลการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 – 17 ม.ค. 2568 ประชาสัมพันธ์ไปแล้วทั้งสิ้น3,300 ครั้ง เกษตรกรที่เข้าฟังการประชาสัมพันธ์รวม 19,543 คน

ฤดูแล้งปี 2568 ต้องบูรณาการข้อมูล การวางแผนล่วงหน้า และความร่วมมือจากทุกฝ่าย กรมชลประทานยังคงยึดมั่นในเป้าหมายการสร้างความมั่นคงด้านน้ำ เพื่อความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของประชาชนและประเทศในระยะยาว