11 โรงงานน้ำตาล ยังมียอดสะสมรับซื้ออ้อยเผาไฟเกิน 25%

เปิด 11 รายชื่อโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย ที่ยังมียอดสะสมกว่า 45 วัน ภายหลังเปิดหีบอ้อย ที่ยังการยอดสะสมอ้อยเผาเกิน 25%
KEY
POINTS
- การรับอ้อยโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ 49 วัน พบอ้อยเข้าหีบ 42,099,964 ตัน เป็นอ้อยสด 34,748,260 ตัน 82.35% อ้อยไฟไหม้ 7,351,703 ตัน 17.46%
- สอน.เปิดข้อมูล 49 วัน พบ 11 โรงงานน้ำตาลที่ยังมียอดอ้อยไฟไหม้สะสมเกินสัดส่วน 25%
- คาดแนวโน้นการตัดอ้อยเผาฤดูหีบปี 2567/2568 ลดลงจากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยกว่า 10%
- คาดปริมาณอ้อยในฤดูการผลิตปี2567/2568 ปริมาณอ้อยเข้าหีบจำนวน 93 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2566/2567 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 82 ล้านตัน
ปัจจุบันปัญหา PM2.5 ได้สร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าส่วนหนึ่งที่สำคัญมาจากปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ และการการเผาไหม้พืชผลของชาวเกษตรกรในฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งในช่วงต้นปีฤดูกาลของทุกปี จะพบว่าเกษตรกรชาวไร่อ้อยส่วนมากยังนิยมเผาอ้อยเพื่อง่ายต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต
ทั้งนี้ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (บอร์ด กอน.) มีมติออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นมาตรการรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากมาตรการในอดีตที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยลดการลักลอบเผาอ้อยได้ ซึ่งเชื่อมั่นว่ามาตรการใหม่นี้จะสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ผ่านกลไกการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบและยอดอ้อย
โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายใบและยอดอ้อย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอของบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 7,000 ล้านบาท เพื่อให้การสนับสนุนและดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี โดยชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มประมาณ 120 บาทต่อตันอ้อย และถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีการแจ้งมาตรการก่อนการเปิดหีบอ้อย
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการรับอ้อยเผารายวันของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ ณ วันที่ 23 มกราคม 2568 (รวมวันเปิดหีบ 49 วัน) พบว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบ ทั้งสิ้น 42,099,964.420 ตัน แบ่งเป็นปริมาณอ้อยสด 34,748,260.720 ตัน สัดส่วน 82.35% และอ้อยไฟไหม้ 7,351,703.700 ตัน สัดส่วน 17.46%
ทั้งนี้ ในสัดส่วนอ้อยเผาที่โรงงานน้ำตาลรับซื้อสะสมรวม 49 วันคิดเป็น 17.46% ยังพบว่า 11 โรงงานน้ำตาลที่ยังมีปริมาณอ้อยไฟไหม้ที่รับซื้อมาตั้งแต่เปิดหีบมีสัดส่วนสะสมเกิน 25% ประกอบด้วย
- โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 46%
- โรงงานน้ำตาลที.เอ็น รับซื้ออ้อยถูกเผา 37%
- โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี รับซื้ออ้อยถูกเผา 37%
- โรงงานน้ำตาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 32%
- โรงงานน้ำตาลสิงห์บุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 31%
- โรงงานน้ำตาลระยอง (ชัยภูมิ) รับซื้ออ้อยถูกเผา 28%
- โรงงานน้ำตาลสหเรือง รับซื้ออ้อยถูกเผา 28%
- โรงงานน้ำตาลอีสาน รับซื้ออ้อยถูกเผา 28%
- โรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ รับซื้ออ้อยถูกเผา 28%
- โรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรืองคอร์ปอเรชั่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 27%
- โรงงานน้ำตาลเกษตรไทยอินเตอร์ รับซื้ออ้อยถูกเผา 26%
สำหรับอันดับจุดความร้อนสูงสุด แบ่งเป็น
- ขอนแก่น
- กาฬสินธุ์
- อุดรธานี
- สุพรรณบุรี
- เลย
- ลพบุรี
- ชัยภูมิ
- กาญจนบุรี
- นครสวรรค์
- หนองบัวลำภู
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า สอน.มีศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายรายภาค โดยมีภารกิจหน้าที่สำคัญ คือ การให้บริการวิเคราะห์คุณภาพดิน น้ำ และปุ๋ย ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยต่อไร่ให้สูงขึ้น
โดยจะลดการใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็น ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินทรายในระยะยาว เพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่มรายได้จากการมีผลผลิตที่มีคุณภาพ รวมถึงการแจกพันธุ์อ้อยส่งเสริมของ สอน. ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในสายพันธุ์ต่างๆ ประจำปี จะเป็นสายพันธุ์อ้อยที่นักวิจัยของ สอน. ได้มีการปรับปรุงสายพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตตันต่อไร่ มีค่าความหวานสูง ทนทานต่อโรคและแมลงในอ้อย และสามารถเติบโตในสภาพพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เป็นอย่างดี
สำหรับข้อมูลทางกายภาพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือเป็นแหล่งปลูกอ้อยขนาดใหญ่ของประเทศไทย เนื่องจากมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่าง “อ้อย” โดยมีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 4.6 ล้านไร่ คิดเป็น 43% ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั่วประเทศ และมีโรงงานน้ำตาลตั้งอยู่ 23 แห่ง
นายใบน้อย กล่าวว่า แนวโน้นการตัดอ้อยเผาฤดูหีบปี 2567/2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยประมาณกว่า 10% จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25% โดยฤดูหีบอ้อยปี 2566/2567 มีปริมาณอ้อยที่เผาส่งเข้าโรงงานเฉลี่ยสูงถึง 30% ทั้งนี้ จะต้องจับตาดูเพราะตอนนี้เพิ่งเปิดหีบอ้อยได้เพียงแค่ 40 กว่าวันเท่านั้น แต่ค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ระดับ 17%
"ปัญหาอ้อยเผายังคงมีปริมาณที่สูงในภาคอีสานตามปริมาณของพื้นที่เพะปลูกอ้อย ซึ่งปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากฤดูที่หนาวนานกว่าปีก่อนๆ และปริมาณน้ำที่มากกว่าปีก่อนๆ ทำให้อ้อยมีความอุดมสมบูรณ์รวมถึงปริมาณของน้ำตาลที่มีอยู่ในอ้อยน่าจะสูงอยู่ที่ราว 11.77 CCS คาดการณ์ปริมาณอ้อยในฤดูการผลิตปี2567/2568 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบจำนวน 93 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2566/2567 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 82 ล้านตัน"
ทั้งนี้ ภาพรวมเฉลี่ยโรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาสะสมตั้งแต่เปิดหีบอ้อยดังกล่าว สะท้อนได้จากมาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือร่วมกับโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศงดรับอ้อยเผาเข้าหีบในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 จนถึงวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี 2567/68 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอขอเงินจากรัฐบาลภายใต้วงเงิน 7,000 ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนเกษตรกรเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี 100% และเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อย จะช่วยลดการเผาอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ลดสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5 ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ สอน. เชื่อมั่นว่ามาตรการต่าง ๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการมานั้น จะช่วยให้มีปริมาณอ้อยสดเข้าหีบเพิ่มมากขึ้น โรงงานน้ำตาลงดรับอ้อยเผาเข้าหีบร่วมคืน “ฟ้าใส ไร้ฝุ่น PM 2.5” ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีอากาศบริสุทธิ์
รวมถึงกระตุ้นการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียงเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เป็นอุตสาหกรรมรักษ์โลกที่ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดรับกับกติกาสากล สอดคล้องกับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม