จับตารัฐส่งคนนั่งบอร์ด ‘การบินไทย’ สานต่อ ‘สายการบินแห่งชาติ’

จับตารัฐส่งคนนั่งบอร์ด ‘การบินไทย’ สานต่อ ‘สายการบินแห่งชาติ’

“การบินไทย”ได้เข้าสู่แผนการฟื้นฟูกิจการมาตั้งแต่เดือน ก.ย.ปี 2563 หลังจากมีการปรับโครงสร้างองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจมาต่อเนื่อง ปัจจุบันมีธุรกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยการบินไทยมีแผนที่จะออกจากการฟื้นฟูกิจการในเดือน พ.ค.นี้

KEY

POINTS

  • "การบินไทย" เดินหน้าตั้งบอร์ดบริหาร มั่นใจยื่นออกจากฟื้นฟูกิจการแล้วเสร็จ พ.ค.นี้ ก่อนกลับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มิ.ย.2568 
  • "สุริยะ" จ่อถกกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้น เตรียมส่งตัวแทนนั่งบอร์ดตามสัดส่วนสิทธิ์ พร้อมสานต่อนโยบาย "สายการบินแห่งชาติ

สำหรับขั้นตอนของการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหม่เพื่อจะเป็นผู้บริหารองค์กรแทนผู้บริหารแผนฟื้นฟูที่ปัจจุบันมี 3 คน ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้ยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟูโดยเสนอรายชื่อผู้ทำแผนฟื้นฟูเพิ่มอีก 2 คน ได้แก่ 

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่ง และจราจร กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจอย่างไรก็ตามประเด็นนี้ศาลล้มละลายกลางไม่เห็นชอบ เนื่องจากพิจารณาว่าการบินไทยดำเนินธุรกิจตามกระบวนการฟื้นฟูประสบผลดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องตั้งผู้บริหารเพิ่มเติม

“สุริยะ” รอถก “คลัง” ส่งคนนั่งบอร์ด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่รับแก้ไขแผนฟื้นฟูเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวงการคลังเพิ่มผู้บริหารแผน 2 รายนั้น ทราบว่ามีเหตุผลเนื่องจากปัจจุบันการบินไทยดำเนินการตามแผนฟื้นฟูใกล้แล้วเสร็จจึงไม่มีความจำเป็นในการตั้งผู้บริหารแผนเพิ่มเติมดังนั้นต้องยอมรับคำสั่งศาลและปฏิบัติตาม โดยหลังจากนี้คงต้องให้การบินไทยดำเนินการตามแผนฟื้นฟู นำองค์กรออกจากการฟื้นฟูกิจการ และตั้งบอร์ดตามกระบวนการปกติ

อย่างไรก็ดีภาครัฐในฐานะผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ในการส่งตัวแทนไปเป็นบอร์ด แต่โดยขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะส่งตัวแทนใดเข้าไป หรือต้องส่งจำนวนกี่คน เนื่องจากเรื่องนี้ต้องหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น

สานต่อนโยบายสายการบินแห่งชาติ

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐจะส่งตัวแทนเข้าไปนั่งในบอร์ดของการบินไทยนั้นถือว่ามีความจำเป็นเพราะการบินไทยนั้นแม้จะไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ และรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายที่จะให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเข้าไปถือหุ้นเกินกว่า 50% เหมือนในอดีต แต่การบินไทยยังถือว่าเป็น “สายการบินแห่งชาติ” ที่มีความสำคัญกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในหลายด้าน

“ในการเจรจาเรื่องต่างๆที่เป็นเรื่องระหว่างประเทศนั้นการบินไทยนั้นเป็นเรื่องที่มีการหยิบยกมาเป็นส่วนหนึ่งของเจรจา เช่น การเจรจาเส้นทางการบิน การเจรจาความร่วมมือด้านคมนาคมและการเดินทางทางอากาศ รวมทั้งการเจรจาด้านการทูต และการรับภารกิจในต่างประเทศ และแบรนด์ของการบินไทยนั้นแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักทั่วโลกซึ่งภาครัฐคงต้องมีส่วนในการเข้าไปบริหารผ่านคนที่เป็นบอร์ดตามสัดส่วนที่ภาครัฐถือหุ้นอยู่”

ก.พ.นี้เคาะรายชื่อ - โครงสร้างบอร์ด

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าในเรื่องของการตั้งบอร์ดการบินไทยนั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเปิดให้ผู้ถือหุ้นเสนอรายชื่อตัวแทนเข้ามาเป็นบอร์ดโดยมีกำหนดให้เสนอรายชื่อภายใน 31 ม.ค.นี้ ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเดือนก.พ.2568 จะเห็นความชัดเจนของโครงสร้างและรายชื่อบอร์ด ก่อนจะมีการนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งแรกในช่วงเดือน เม.ย.2568 เพื่อลงมติพิจารณาการแต่งตั้งรายชื่อบอร์ดชุดใหม่ของการบินไทยเพื่อเข้ามาบริหารนโยบายบริษัทหลังออกจากการฟื้นฟูกิจการ

อย่างไรก็ดี ในฐานะฝ่ายบริหารของการบินไทยมองว่าโครงสร้างบอร์ดที่เหมาะสม และเกิดความคล่องตัวของการบริหารงานนั้น โดยปกติแล้วหลายบริษัทจะมีกรอบจำนวนบอร์ดอยู่ที่ 5-15 คน ขณะที่บอร์ดการบินไทยในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนเต็มกรอบ และส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากภาครัฐเนื่องจากการบินไทยเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นในขณะนี้ส่วนตัวมองว่าเพื่อบริหารงานคล่องตัวมากขึ้น จึงไม่ควรมีจำนวนบอร์ดมากเกินไป หรือไม่ควรถึงกรอบกำหนด 15 คน

ผู้ถือหุ้นเสนอบอร์ดตามสัดส่วน

ทั้งนี้รายชื่อบอร์ดชุดใหม่ของการบินไทยนั้น จะมาจากผู้ถือหุ้นเสนอตัวแทนตามสิทธิของสัดส่วนหุ้น ซึ่งในส่วนภาครัฐโดยกระทรวงการคลัง ปัจจุบันหลังปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนอยู่ที่ราว 39% และหากรวมการถือหุ้นของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดจะคงสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 48% เบื้องต้นจึงประเมินว่าหากภาครัฐส่งตัวแทนเป็นบอร์ดเต็มจำนวนสิทธินั้น น่าจะอยู่ที่ราว 3-4 คน

ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้แปลงหนี้เป็นทุนปัจจุบันมีสัดส่วนถือหุ้นรวมประมาณ 52% จะมีสิทธิส่งตัวแทนเป็นบอร์ด อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จะได้สิทธิส่งตัวแทน 1 คน สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) มีสิทธิส่งตัวแทน 1 คน และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้กลุ่มสหกรณ์จะมีสิทธิส่งตัวแทนตามลำดับการถือหุ้น

มั่นใจออกแผนฟื้นฟู พ.ค.68

ทั้งนี้ การบินไทยยังคงมั่นใจว่าจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ตามเป้าหมายในเดือนพ.ค.2568 เนื่องจากเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการขณะนี้สามารถดำเนินการได้ครบถ้วนแล้ว โดยการบินไทยจะยื่นคำร้องออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้นคาดว่ากระบวนการพิจารณาน่าจะอยู่ที่ราว 1 เดือน และเมื่อได้รับการอนุมัติออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว ประเมินว่าจะสามารถกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในไตรมาส 2 ปีนี้

ส่วนกรณีที่การบินไทยได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 9,822.5 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานของบริษัท และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามลำดับ คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน44,004.7 ล้านบาท ที่ราคาเสนอขาย 4.48 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 6-12 ธ.ค.2567

โดยผลจากการขายหุ้นเพิ่มทุน คงเหลือหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ไม่ได้มีการจัดสรรกว่า 5,379 ล้านหุ้น คิดเป็นปรับโครงสร้างทุนพลาดเป้าไปกว่า 24,098ล้านบาท (ราคาเสนอขาย 4.48 บาทต่อหุ้น) ถึงแม้จะมีการจัดสรรหุ้นเสนอขายบุคคลในวงจำกัด แต่ก็พบว่ามีผู้ซื้อหุ้นเพียง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) จำนวน22,321,400 หุ้น และนายวิชัย กุลสมภพ จำนวน 250,000 หุ้น

ตัดทิ้งหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือ

“หุ้นที่เหลือจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ก็จำเป็นต้องตัดออกไป และถือว่าการบินไทยได้ปรับโครงสร้างทุนตามจำนวนที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมากแล้ว แต่การพลาดเป้าเพิ่มทุนไปก็อาจจะต้องไปทบทวนเรื่องการใช้เงินในอนาคต อาทิ เรื่องรูปแบบจัดหาเครื่องบินว่าจะดำเนินการด้วยเงินทุนส่วนใด อาจต้องกู้เงินหรือไม่”

อย่างไรก็ดี การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้ตามเป้าหมายนั้น อาจนับเป็นเรื่องดีของการบินไทยในอนาคต ที่จะสามารถนำหุ้นมาจัดสรรใหม่หลังกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจทำราคาที่สูงขึ้นสะท้อนจากผลของการดำเนินธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีนี้ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นโอกาสให้ภาครัฐเข้ามาซื้อหุ้นการบินไทยเพิ่มเติม เบื้องต้นมองว่าภาครัฐไม่น่านำเงินจากประชาชนมาใช้ส่วนนี้เพิ่มเติม เพราะปัจจุบันก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่แล้ว อีกทั้งยังประกาศไว้ว่าไม่ต้องการเข้ามาถือหุ้นมากกว่า 50% เพื่อทำให้การบินไทยกลับไปสู่สถานะรัฐวิสาหกิจ