พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯฉบับใหม่ ก.พ.ร.  หนุน ซุปเปอร์ไลน์เซ่น ลดต้นทุนธุรกิจ

พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯฉบับใหม่  ก.พ.ร.  หนุน ซุปเปอร์ไลน์เซ่น ลดต้นทุนธุรกิจ

“เลขาธิการ ก.พ.ร.” ฉายภาพ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฉบับใหม่ เล็งออกซุปเปอร์ไลน์เซ่นธุรกิจ นำร่องธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กให้ออกไลน์เซ่นเดียวครอบคลุมทุกกิจการ ขยายระยะเวลาใบอนุญาตจากที่ต้องต่ออายุทุกปีเป็นอย่างน้อย 5 ปี

KEY

POINTS

  • รัฐบาลมีการปรับปรุง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2558 ให้ครอบคลุมงานบริการภาครัฐหลายๆด้านทั้งการอนุมัติ อนุญาตประชาชน และภาคธุรกิจ
  • “เลขาธิการ ก.พ.ร.” ยกตัวอย่างการออกซุปเปอร์ไลน์เซ่นธุรกิจ นำร่องธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กให้ออกไลน์เซ่นเดียวครอบคลุมทุกกิจกรรม จากเดิมต้องขอใบอนุญาตหลายหน่วยงาน
  • มีการขยายระยะเวลาใบอนุญาตจากที่ต้องต่ออายุทุกปีเป็นอย่างน้อย 5 ปี และต่อใบอนุญาตอัตโนมัติเมื่อชำระค่าธรรมเนียม
  • เร่งเชื่อมระบบข้อมูลหน่วยราชการ หลังเชื่อมแล้ว 22 หน่วยงานประหยัดค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจได้กว่า 7 พันล้านบาทต่อปี

เพื่อให้การบริการภาครัฐตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ภาครัฐได้มีการผลักดันดันกฎหมายขึ้นมาเพื่อยกระดับการให้บริการของหน่วยงานราชการ โดยกฎหมายฉบับแรกนั้นออกมาในปี 2558 ในชื่อ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ปัจจุบันกฎหมายฉบับนี้มีการปรับปรุงใหม่ เป็น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. ... โดยกฎหมายนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในปีนี้

โดยกฎหมายฉบับนี้มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)เป็นหน่วยงานหลักในการปรับปรุงและยกระดับกฎหมายให้ไปถึงการให้บริการต่าง ๆ แก่ประชาชน และภาคธุรกิจ นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่าวัตถุประสงค์ของการทำ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกตั้งแต่ครั้งแรกที่จัดทำขึ้นในปี 2558 มีหลักการสำคัญคือการลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการใน 2 เรื่องคือ เรื่องของต้นทุนที่เกิดจากความล่าช้าที่ เนื่องตากเอกชนมีต้นทุนทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ หากการอนุมัติ อนุญาตของภาครัฐมีความล่าช้า เอกชนจะได้รับผลกระทบ และต้นทุนอีกเรื่องที่เป็นปัญหาคือการทุจริตที่มาจากการขออนุมัติ อนุญาต ที่เป็นปัญหาที่สั่งสมมายาวนาน

ทั้งนี้ในการทำ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯปี 2558 และใน พ.ร.บ.ฉบับปัจจุบันมีการกำหนดให้ทำคู่มือภาคประชาชน โดยทำให้มีความชัดเจน โดยกำหนดให้ชัดเจนว่าเอกสาร ขั้นตอน และระยะเวลาในการทำงานของภาครัฐในเรื่องการออกใบอนุญาตต่างๆนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนทราบ โดยให้ออกเป็นคู่มือที่ประชาชนจะตรวจสอบได้ โดยหน่วยงานต่างๆมีการทำคู่มือ โดยมีการปรับคู่มือให้เป็นมาตรฐานเดียวกันจากประมาณ 7 แสนคู่มือ จนเหลือประมาณ 4,000 คู่มือ

ซึ่งทำให้มีมาตรฐาน และลดโอกาสในการทุจริตของหน่วยงานราชการ โดยในส่วนของการทำคู่มือของประชาชนจะผลักดันให้มีการขยายไปครอบคลุมบริการอื่นๆของภาครัฐ ที่ไม่ใช่แค่การขอใบอนุญาตแต่จะครอบคลุมไปถึงการให้บริการอื่นๆของภาครัฐ เช่น การจดแจ้ง หรือการขึ้นทะเบียน เพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับการให้บริการประชาชนทั้งหมด

ทบทวนความจำเป็นใบอนุญาตทุก 5 ปี 

นอกจากนั้นมีการกำหนดให้ต้องมีการทบทวนความจำเป็นในการออกใบอนุญาตทุกๆ 5 ปี รวมทั้งมีการพิจารณาว่าในเรื่องใบอนุญาตต่างๆนั้นยังมีความจำเป็นหรือไม่ เช่น อาจมีการต่ออายุใบอนุญาตด้วยการชำระค่าธรรมเนียมและมีผลในการต่อใบอนุญาต ซึ่งสามารถยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็นไปบางส่วนได้ ส่วนการตรวจสอบต่างๆ เช่น โรงงาน การประกอบกิจการก็ยังเป็นขั้นตอนการตรวจสอบตามปกติของแต่ละหน่วยงาน

 

นำร่องซุปเปอร์ไลน์เซ่นธุรกิจโรงแรม 

นอกจากนั้นในส่วนของใบอนุญาตที่มีอยู่อย่างมากในไทยก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ เช่น หากผู้ประกอบการจะเปิดโรงแรม จะต้องมีการขอใบอนุญาตมากถึง 13 ใบ ใน 7 หน่วยงาน ซึ่งต้องมีการขอใบอนุญาตจำนวนมาก ซึ่งต้องทำให้ในส่วนนี้ลดขั้นตอน ลดต้นทุนในการขอใบอนุญาตของภาคธุรกิจ จึงมีแนวคิดที่จะทำเป็น “ซุปเปอร์ไลน์เซ่น” ขึ้นมา โดยนำร่องในการทำกับโรงแรมขนาดเล็ก โดยได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยว่าจะทำในส่วนนี้ร่วมกัน เนื่องจากการขอใบอนุญาตนี้จะช่วยในเรื่องของการท่องเที่ยวและภาคบริการที่ผลต่อเศรษฐกิจลงไปสู่รายย่อยในชุมชน หากทำตรงนี้ได้จะขยายไปในกิจการโรงแรมขนาดเล็กทั่วประเทศ

นอกจากนี้ในอนาคตจะมีหน่วยงานที่เป็นศูนย์รับเรื่องขอใบอนุญาตกลางสามารถมายื่นที่เดียวเพื่อขออนุญาตกิจการต่างๆได้ในที่เดียวโดยไม่ต้องเดินทางไปหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากกฎหมายเดิมซึ่งหมายความว่าต้องทำให้ระบบต่างๆเชื่อมกันสามารถยื่นขอใบอนุญาต ชำระเงิน และติดตามความก้าวหน้าของใบอนุญาตว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้วจนได้ใบอนุญาตเป็นอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งตอนนี้ยังคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อเนื่องในการทำรัฐบาลดิจิทัล

ขยายอายุใบอนุญาตเป็น 5 ปี 

นอกจากนั้นในส่วนของใบอนุญาตที่หมดอายุไม่พร้อมกัน เช่น การขอใบอนุญาตขายอาหาร ขายสุรา ยาสูบ ฯลฯ ซึ่งใบอนุญาตเหล่านี้หมดอายุภายใน 1 ปี ก็จะขยายใบอนุญาตส่วนนี้ออกไปเป็นอย่างน้อย 5 ปี ใบอนุญาตที่มีการหมดอายุภายในระยะเวลา 1 ปี ก็จะขยายไปเป็นอย่างน้อยให้ได้ 5 ปี ประชาชนและภาคธุรกิจก็จะไม่ต้องเดินทางมาหน่วยงานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตทุกๆปี  ส่วนการต่ออายุใบอนุญาตในกฎหมายฉบับใหม่จะทำเป็นระบบการต่อใบอนุญาตอัตโนมัติเมื่อชำระค่าธรรมเนียม ยกเว้นหากเจ้าของหน่วยงานบอกว่าเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงไม่สามารถต่ออายุอัตโนมัติได้ให้ทำเข้ามาเป็นลิสต์เฉพาะจะมีการออกเป็นประกาศแนบท้ายในการยกเว้นให้ เช่น เรื่องของพลังงาน ก๊าซธรรมชาติ ที่อาจต้องมีการต่อปีต่อปี โดยในส่วนนี้จากผลการศึกษาในเรื่องการชำระค่าธรรมเนียมแทนการต่อใบอนุญาตใหม่ที่มีประมาณ 170 งาน มีผู้เกี่ยวข้องประมาณ 2,000  ราย ประโยชน์ที่จะได้ประโยชน์ประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนการขยายใบอนุญาตจากเดิมที่ต้องต่ออายุทุกปีเป็นทุกๆ 5 ปี นั้นจะครอบคลุมเบื้องต้น 19 กิจการ ผู้ได้ประโยชน์ประมาณ 7 แสนราย ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณปีละ 590 ล้านบาท

ส่วนใบอนุญาตบางอย่างที่ไม่ต้องใช้การขอใบอนุญาตแบบเดิมต้องลดสถานะลงจากใบอนุญาตลงมาเป็นเพียงแค่จดแจ้ง หรือแค่การขึ้นทะเบียนก็พอ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการปรับลงมาในหลายส่วน  

พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯฉบับใหม่  ก.พ.ร.  หนุน ซุปเปอร์ไลน์เซ่น ลดต้นทุนธุรกิจ

 “ส่วนสำคัญของการออกใบอนุญาตภาครัฐคือจำเป็นต้องขออนุญาตจากภาครัฐหรือไม่ หากจำเป็นต้องอนุญาตใช้วิธีการใดที่ไม่ต้องเป็นการอนุญาตได้หรือไม่ สามารถจดแจ้งขึ้นทะเบียน และการชำระค่าธรรมเนียม การใช้ซุปเปอร์ไลเซ่นเข้ามา และปรับลดบทบาทของกลไกคณะกรรมการต่างๆที่ทำให้ระบบอนุญาตล่าช้า กฎหมายฉบับนี้พยายามจะแก้ปัญหาในส่วนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการทั้งหมดของภาครัฐด้วยในอนาคต”

เปิดช่องบริการฟาสต์แทรกต์

นอกจากนี้ในกฎหมายฉบับนี้จะเปิดช่องทางในการให้บริการในช่องทางพิเศษ ที่เป็นกลไกที่ทำได้ในเรื่องของช่องทางที่เป็นฟาสต์แทรกซ์ในการรับบริการภาครัฐ โดยตัวอย่างที่มีการใช้คือ การทำพาสปอร์ตของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นตัวอย่าง แต่ไม่ให้กระทบกับการบริการปกติ โดยรายได้ที่หน่วยงานได้รับจากการทำฟาสต์แทรกซ์จะให้กลับมาที่หน่วยงานเพื่อใช้ในการปรับปรุงการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และการให้บริการประชาชนโดยไม่กระทบกับงบประมาณ

นอกจากนั้นแบบฟอร์มของหน่วยงานราชการ ต่อไปต้องมีแบบฟอร์มที่เป็นภาษาต่างประเทศด้วย เช่น ภาษาไทย กับภาษาอังกฤษ ให้อยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ให้ต้องเป็นค่าใช้จ่ายกับประชาชนในการที่ต้องไปจ้างแปลภาษา

อีกข้อหนึ่งก็คือหากใบอนุญาตหายก็จะไม่ต้องมีการแจ้งความเพื่อขอออกใบอนุญาตใหม่ ซึ่งจากสถิติแล้วในแต่ละปีมีใบอนุญาตสูญหายถึงกว่า 7 หมื่นใบ ซึ่งต่อไปจะออกใบอนุญาตใหม่ได้โดยไม่ต้องแจ้งความเพื่อลดต้นทุนของการขอใบอนุญาตแทนใบอนุญาตที่สูญหายได้  

ทั้งนี้การแก้ไข พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฉบับใหม่นั้นอยู่บนพื้นฐานที่ต้องมีการเชื่อมโยงกับ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 เพื่อขยายการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจสามารถลดต้นทุนได้ เช่น ที่ผ่านมา ก.พ.ร.มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการเชื่อมข้อมูลนิติบุคคล เช่น การเชื่อมโยงระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รวมแล้วเชื่อมข้อมูลแล้ว  22 หน่วยงานมีธุรกรรมกว่า 97 ล้านธุรกรรมต่อปี ซึ่งหอการค้าไทยระบุว่าช่วยลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจได้มากถึง 7 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายต่อไปยังเชื่อมต่อกับหน่วยงานที่เหลือ ต้องมีการเปลี่ยนกฎระเบียบ และระบบ ซึ่งยังมีบางหน่วยงานที่ต้องมีการแก้ไขในสองส่วนนี้ให้มีความพร้อมมากขึ้นเชื่อว่าจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันได้มากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะสามารถลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจได้มากขึ้น