'คลัง' จับตานโยบายทรัมป์ 2.0 เตรียมรับมือผลกระทบสินค้าจีนล้น

"คลัง" จับตานโยบายทรัมป์ 2.0 เตรียมพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ ระบุรัฐบาลไทยเตรียมส่งทีมเจรจาการค้ากับสหรัฐ หาโอกาสที่เป็นประโยชน์กับไทยมากที่สุด พร้อมเตรียมรับมือสินค้าจีนทะลักเข้ามาในภูมิภาคด้วยกลไกภาษี VAT และตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเข้มช้น
นายจุลพันธ์ อมรวิฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ทำประเมินผลกระทบกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ สมัยที่ 2 หรือ ทรัมป์ 2.0 เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าทุกกระทรวงได้วิเคราะห์ผลกระทบในด้านต่างๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมีการดำเนินนโยบายอย่างไรย่อมมีผลกระทบต่อไทย ในฐานะคู่ค้าสำคัญ
"โดยหน่วยงานทุกภาคส่วนได้ทำการประเมินผลกระทบและเตรียมพร้อมในการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของนายทรัมป์หรือไม่ การปรับตัวในเศรษฐกิจโลกยุคปัจจุบันเป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไทยต้องปรับให้เข้าสถานการณ์ และมองหาโอกาสที่จะได้ประโยชน์ให้กับประเทศไทยให้มากที่สุด"
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายสำคัญของทรัมป์ ที่จะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้า อาทิ แคนนาดา เม็กซิโก และจีน ที่ส่งผลต่อการเกิดสงครามทางการค้า ส่วนของไทยนั้นยังไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่จะถูกขึ้นภาษี
อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยจะมีการตั้งทีมเพื่อหารือกับสหรัฐฯ เพื่อเจรจาทางการค้าให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และต้องระมัดระวังสินค้าบางรายการที่จะได้รับผลกระทบ
ขณะเดียวกัน ยังต้องเตรียมพร้อมการรับมือกับปัญหาสินค้าจากต่างประเทศ เช่น จีน ที่จะทะลักเข้ามาในไทยเพิ่มจากสงครามการค้านี้ ซึ่งปัจจุบันก็มีมาตรการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้าน้ำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท รวมถึงการตรวจเข้มมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เป็นต้น โดยยังคำนึงด้วยว่าต้องไม่กระทบกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ







