‘หอการค้า’ มอง 4 โอกาสไทย ยุคทรัมป์ 2.0 สหรัฐยุติความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์

“หอการค้า” มองยุคทรัมป์ 2.0 เร่งการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจการค้าไทย ชี้ยังมีโอกาสดี สหรัฐช่วยจบสงคราม ชะลอการเปลี่ยนผ่านอีวี
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนาโต๊ะกลม Geopolitics 2025 หัวข้อ “Trump 2.0: The Global Shake Up” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 21 ม.ค.2568 ว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสรัฐอย่างเป็นทางการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นนวัตกรรมทางการเมืองระดับโลก ที่ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารกว่า 200 คำสั่ง ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องจับตามองใกล้ชิดถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ที่จะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศ
นายวิศิษฐ์ มองว่าทรัมป์ 2.0 จะสร้างโอกาสให้กับไทยใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ทิศทางการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อไปดาวอังคาร
2.การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งสหรัฐอาจไม่ได้หยุดที่การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และอีวีอาจเป็นแค่ทางผ่าน เนื่องจากแร่ธาตุสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอีวีส่วนใหญ่อยู่ในมือของจีน ทำให้สหรัฐต้องมองหาแหล่งพลังงานอื่น
3.วิกฤติช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลง เพราะทุกครั้งที่มีแรงกดดัน มีวิกฤติ จะช่วยให้ทั้งรัฐ และเอกชนเริ่มออกจากคอมฟอร์ตโซน และเกิดการปรับตัวได้ก้าวกระโดด ทั้งประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ และการพัฒนาการผลิตใหม่ของเอกชน
4.การยุติสงครามและความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ท่าทีของสหรัฐมีความสำคัญในการจัดการความขัดแย้งในโลก ซึ่งที่ผ่านมาไบเดนสนับสนุนนาโต้ แต่ตอนนี้มองว่านโยบายของทรัมป์ต้องการยุติสงครามต่างๆ
ขณะเดียวกัน ก็มีความท้าทายที่จะส่งผลกระทบกับไทย เรื่องแรกคือ ความผันผวนของโลกที่ผันผวนมากขึ้นเรื่อยๆ ของระบบการเงิน ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ และคริปโทเคอร์เรนซี ที่ประกาศนโยบายการใช้บิตคอยน์เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ เรื่องการค้าระหว่างประเทศ ที่ต้องเผชิญกับการปรับขึ้นภาษีสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลไทยเตรียมพร้อมเดินทางไปเจรจาการแลกเปลี่ยนเป็นรายสินค้า
ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีประเทศที่เกินดุลการค้า จะทำให้วงจรการส่งออกสินค้าเปลี่ยนไป ประเทศที่ส่งออกสินค้าประเภทเดียวกันอาจเกิดการแข่งขันกันเองด้านราคา รวมทั้งยังเจอมาตรการป้องกัน (Protectionism) ของประเทศที่เจอสินค้าทะลักเข้ามา
ขณะที่ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบีเยนโยบายเพื่อลดเงินเฟ้อ กดดันการผลิต กำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งนี้ สิ่งไทยสามารถเตรียมตัวได้คือการแสดงให้สหรัฐเห็นว่าการส่งออกไปสหรัฐที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนจากสหรัฐเอง และการลงทุนในไทยยังมีประโยชน์ในการเป็นจุดยุทธศาสตร์โลจิสติกส์กระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังต้องแสดงศักยภาพของตลาดในภูมิภาคในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐได้เช่นกัน นอกจากการนำเข้าพลังงาน ยังมีสินค้าเกษตรหลายตัวจากสหรัฐ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี พืชผักเมืองหนาว และเมล็ดพันธุ์พืชใหม่จากสหรัฐ