'ดร.ปิติ' เร่งไทยสร้างอำนาจต่อรอง รับนโยบาย 'ทรัมป์ 2.0' ใน 2 ปี

'ดร.ปิติ' เร่งไทยสร้างอำนาจต่อรอง รับนโยบาย 'ทรัมป์ 2.0' ใน 2 ปี

“ดร.ปิติ” ระบุ ไทยต้องมองแผนระยะยาวเล่นบทบาทในเวทีอาเซียน สร้างอำนาจต่อรอง แนะไทยปรับตัวให้เร็วใน 2 ปีนี้ คาดสหรัฐทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการมูลนิธิอาเซียน กล่าวในเวทีเสวนาโต๊ะกลม หัวข้อ Geopolitics 2025 | TRUMP 2.0 : The Global Shake Up จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงภายหลังการรับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และจะต้องปรับตัวที่รวดเร็วในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม นาทีนี้จะเห็นว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบโลกอย่างขัดเจน ดังนั้น การปรับตัวให้ยั่งยืนให้ได้ในระยะยาวต้องทำให้เร็ว ยกตัวอย่าง เวียดนามได้ปฏิรูประบบราชการ ส่วนอินโดนีเซีย เดินหน้าหาพันธมิตรเพิ่ม ซึ่งประเทศไทยก็ต้องปรับโครงสร้างภายในรูปแบบนี้เช่นกัน

สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนภายในก็จะต้องเร่งทำ ซึ่งต่อไปนี้กลไกที่คุ้นชิน เช่น กลไกตลาดที่ผลักดันให้ตัดสินใจอะไรแบบเดิมที่ง่าย ๆ จะไม่เกิดแล้ว เพราะเป็นยุคของผู้นำที่เข้มแข็งที่คิดว่าจะสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทั้งหมด ไทยจึงต้องมองแผนระยะยาว ดูผลประโยชน์ไทยว่าอยู่ตรงไหน โดยเล่นบทบบาทเวทีอาเซียน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง

“เรายังพอมีเวลาเพราะทรัมป์คงไม่ทำทุกอย่างแบบเท่ากันหมดทุกประเทศในทีเดียว อาจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทั้งมาตการกีดกันทางการค้า โดยจะค่อยๆ ไตร่อำนาจเพิ่มขึ้น ดังนั้น ทีมเจรจาไทยจะต้องประสานงานอย่างดีทั้งภาครัฐที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี”

\'ดร.ปิติ\' เร่งไทยสร้างอำนาจต่อรอง รับนโยบาย \'ทรัมป์ 2.0\' ใน 2 ปี

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่ายินดี คือ ทรัมป์ได้เริ่มพุ่งเป้าจัดการกับพันธมิตรตัวเองก่อน เช่น เม็กซิโค แคนาดา ที่โดนปรับขึ้นภาษี รวมถึงการเปลี่ยชื่อภูเขาด้วย ดังนั้น ทรัมป์จะจุดประเด็นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งทางการค้ากับประเทศใกล้ๆ ที่เป็นพันธมิตรก่อน ทำให้ไทยจึงพอมีเวลา ส่วนเรื่องน่ายินดีอันดับ 2 คือ อีก 2 ปี จะมีการเลือกตั้งกลางเทอม อำนาจทรัมป์ที่คุมเสียงทั้ง สว. และ สส. อาจลดน้อยลง ดังนั้น ไทยจะต้องปรับตัวให้เร็วใน 2 ปีนี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่สำคัญ คือ กระบวนการที่ทำให้เกิดประชาธิปไตยแบบส่วนร่วม แม้จะเห็นหน้าตารัฐบาลที่ทรัมป์เลือกมาช่วยไม่ได้มาจากความเชี่ยวชาญและความสามารถ แต่เลือกมาจากพันธมิตร ซึ่งในทางปฏิบัติไม่ได้น่ากลัวเพราะสหรัฐยังมีที่ปรึกษาช่วยตัดสินใจในแต่ละกรณี แม้จะแรงในการทางเมือง จึงมองว่าอาเซียนยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสุดในนโยบายความมั่นคงของทรัมป์