ถอดบทเรียนระดับสากล เพื่อการพัฒนากาสิโนในประเทศไทย

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังพิจารณาการพัฒนากาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจร ว่าจะสร้างดีหรือไม่สร้างดี สร้างแล้วจะได้มากกว่าเสียหรือเปล่า การเรียนรู้บทเรียนจากต่างประเทศเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจและความท้าทายที่ต้องรับมือ
บทความนี้จะสรุปและวิเคราะห์บทเรียนเหล่านี้ตามประเด็นหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่สนใจประเด็นนี้ได้รับทราบ และเป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการวางแผนและกำหนดแนวทางการบริหารจัดการที่เกิดผลประโยชน์ร่วมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม
ประเด็นที่ 1 ผลด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาคาสิโนในต่างประเทศแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการพัฒนาและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
โดยมาเก๊าประสบความสำเร็จสูงสุดในการสร้างรายได้จากธุรกิจการพนันถึง 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 55 ของ GDP) ในปี 2565 ซึ่งถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการสังคม
ขณะที่สิงคโปร์สร้างความสำเร็จผ่านการผสมผสานกาสิโนกับการท่องเที่ยวระดับพรีเมียมผ่าน Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa ด้วยรายได้รวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านรายได้ภาษี 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการสร้างงาน 5,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม
กรณีของสโลวีเนียในภูมิภาค Obalno-Kraška เตือนถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้กาสิโนมากเกินไปในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
ประเด็นที่ 2 ผลด้านสังคม ผลทางสังคมเป็นประเด็นที่มีข้อกังวลกันมากที่สุด เพราะความสำเร็จทางเศรษฐกิจมักมาพร้อมกับผลเชิงลบทางสังคมที่ต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง
กรณีของมาเก๊าพบว่าอัตราการติดการพนันในประชากรเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 6 หลังจากการขยายตัวของธุรกิจกาสิโนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐอเมริกาพบการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินในพื้นที่ใกล้เคียงคาสิโน
สิงคโปร์นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่น่าสนใจด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับพลเมืองและผู้มีถิ่นพำนักถาวร มาตรการนี้ช่วยจำกัดการเข้าถึงกาสิโนของคนในประเทศ ในขณะที่ยังคงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาการติดการพนันผ่านระบบการจำกัดตนเองโดยสมัครใจและการควบคุมจำนวนเครื่องเล่นพนันอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มงวด
ประเด็นที่ 3 ผลด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการอย่างยั่งยืน ประสบการณ์จากต่างประเทศแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนากาสิโนและรีสอร์ทแบบครบวงจร
กรณีศึกษาจากมาเก๊าชี้ให้เห็นถึงผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วและขาดการควบคุม ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศและน้ำ รวมถึงแรงกดดันต่อระบบสาธารณูปโภคของเมือง
ในทางตรงกันข้าม สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่าน Marina Bay Sands ที่ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสูง ใขณะที่ออสเตรเลียได้วางระบบการประเมินและติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนากาสิโนอย่างยั่งยืนสามารถทำได้ผ่านการวางแผนที่รอบคอบและการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
จากการเปรียบเทียบที่แสดงไว้ในตาราง จะเห็นว่าแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นและความท้าทายที่แตกต่างกัน การทำความเข้าในกับความท้าทายเหล่านี้เพื่อนำมาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทยจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการศึกษาอย่างละเอียดและครบถ้วน
การพัฒนากาสิโนในประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการ ในด้านเศรษฐกิจ ควรให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงโดยการนำรายได้จากกาสิโนไปลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี การศึกษา และการสาธารณสุข พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
ในด้านการกำกับดูแล ควรนำโมเดลการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าของสิงคโปร์มาปรับใช้ ควบคู่กับการควบคุมเครื่องเล่นพนันและการโฆษณา รวมถึงการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชน
ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ต้องกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวและระบบการจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหน่วยงานอิสระติดตามประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ดังนั้น แม้ว่าการพัฒนากาสิโนในประเทศไทยเป็นโอกาสสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รัดกุม การควบคุมที่มีประสิทธิภาพ บนหลักธรรมาภิบาล และการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในแนวทางที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ.