“ดาต้าเซ็นเตอร์- เอไอ”ดันดีมานด์พลังงานหันเร่งพัฒนา“นิวเคลียร์”

“ดาต้าเซ็นเตอร์- เอไอ”ดันดีมานด์พลังงานหันเร่งพัฒนา“นิวเคลียร์”

พลังงาน คือจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนในเกือบจะทุกกิจกรรมของโลก แต่ พลังงานก็อาจกลายเป็นจุดจบของโลกนี้ไดเช่นกันหากยังไม่เข้าใจและเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างแท้จริง ซึ่งปี 2568 ทิศทางธุรกิจด้านพลังงานมีปัจจัยกระทบต่างๆที่น่าสนใจ

S&P Global Commodity Insights  โดย S&P Global Inc. เผยแพร่แนวโน้มด้านพลังงานในปี 2025 ว่า ตลาดพลังงานมีความไม่แน่นอนมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้านี้ และมากกว่าหลายปีผ่านมามา นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ,ความขัดแย้งในยูเครนและฉนวนกาซาซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงตลาดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ความขัดแย้งต่างๆและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและตะวันตกมีมากขึ้น 

“จีนกำลังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีสะอาดเพื่อสร้างอิทธิพลในระดับโลกมากขึ้น ขณะที่สหรัฐ และยุโรปเพิ่มภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ การเลือกตั้งโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐทำให้การเมืองระหว่างประเทศมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และเกิดคำถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสหรัฐ ในข้อตกลงปารีสที่อ่อนแออยู่แล้วและกระบวนการประชุมภาคีสหประชาชาติ (COP) ตลอดจนคำถามเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศและเป้าหมายด้านพลังงานของสหรัฐ”

เดฟ เอิร์นสเบอร์เกอร์ ประธานร่วมของ S&P Global Commodity Insights กล่าวว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ทำให้ความต้องการพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้า เซ็นเตอร์ สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของความต้องการไฟฟ้าซึ่งนำไปสู่แนวคิด“พลังงานนิวเคลียร์”แล้วซึ่งยังเป็นข้อกังขาว่าบริษัทเทคโนโลยีจะยอมรับด้วยหรือไม่ 

มาร์ก เอราโม ประธานร่วมของ S&P Global Commodity Insights กล่าวว่า ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลในปี 2025 จะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของตลาดต่ออุปทานที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่ชะลอตัว โดย  OPEC+ ได้ประกาศที่จะนำอุปทานกลับเข้าสู่ตลาด แต่ยังไม่มีความชัดเจนช่วงในปี 2568 โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นต้องไม่ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของอเมริกาเหนือจะเริ่มเข้าสู่ตลาดในปี 2025 ส่งผลให้ราคา LNG ทั่วโลกอ่อนตัวลง

ทั้งนี้  S&P GLOBAL COMMODITY INSIGHTS ได้สรุป สิบประเด็นสำคัญสำหรับแนวโน้มด้านพลังงานในปี 2568 ได้แก่ 

    1. อนาคตที่ย้อนกลับไปสู่อดีต : การดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์จะมีผลกระทบต่อนโยบายและตลาดอย่างมาก: เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่สอง คาดว่านโยบายด้านพลังงานและสภาพอากาศที่แตกต่างไปจากสมัยที่ไบเดนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 

“สหรัฐน่าจะออกจากข้อตกลงปารีส ยกเลิกและร่างกฎระเบียบการปล่อยไอเสียของยานยนต์ที่มีอยู่ใหม่ ลดทอนกฎระเบียบด้านมีเทน และลดการสนับสนุนการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นอกจากนี้ เราคาดหวังว่ารัฐบาลทรัมป์จะให้การอนุมัติการส่งออก  LNG ที่อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งหมด”

 การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลสหรัฐ ยังทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงาน โดยเฉพาะความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในรัสเซีย/ยูเครนและตะวันออกกลาง ตลอดจนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และยังมีเรื่องความขัดแย้งกับจีน ซึ่งผู้เล่นทุกคนในตลาดต้องมีความคล่องตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลทรัมป์ชุดที่สองเริ่มต้นในเดือนม.ค.นี้ 

2.ความสามารถผลิตพลังงานสะอาดยังไม่เพียงพอความต้องการ การพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดที่เพียงพอ ไม่ใช่แค่ต้องตอบสนองความต้องการพลังงานโดยรวมเท่านั้น แต่ยังต้องแทนที่ความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่และต้องย้อนกลับไปที่การปล่อยคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับภาคพลังงานโดยรวมด้วย 

3. ปัญญาประดิษฐ์(AI)และศูนย์ข้อมูล(Data Center) จุดประกายยุคใหม่ของการใช้ไฟฟ้า:  คาดว่าความต้องการพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูลจะเติบโตขึ้นระหว่าง 10-15% ต่อปีระหว่าง2568 จนถึงปี 2573 และศูนย์ข้อมูลอาจคิดเป็น 5% ของความต้องการพลังงานทั้งหมดทั่วโลกภายในปีเดียวกัน 

 “บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะเป็นผู้นำในด้านการจัดหาพลังงานสะอาดเพื่อป้อนให้กับศูนย์ข้อมูล แต่บ่อยครั้งก็จะดึงพลังงานสะอาดออกจากโครงข่ายไฟฟ้าโดยรวม และโครงข่ายโดยรวมต้องหันกลับไปใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแทน” 

4.การกลับมาของพลังงานนิวเคลียร์  มีสัญญาณความสนใจในตลาดพลังงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ เทคโนโลยีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ มีเสถียรภาพ และปราศจากคาร์บอนมาหลายทศวรรษ และถูกมองว่าเป็นตัวเลือกสำหรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

"บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางส่วนให้ความสนใจในการจัดหาพลังงานนิวเคลียร์โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMR)ในปี2568  จะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความเป็นไปได้และขนาดที่อาจเป็นไปได้ของการฟื้นฟูพลังงานนิวเคลียร์" 

 5.การแข่งขันเทคโนโลยีสะอาด - จีนเร่งเครื่องในขณะที่ตะวันตกเหยียบเบรก: จีนในฐานะมหาอำนาจเทคโนโลยีสะอาด เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภครถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ แผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม และเครื่องแยกไฮโดรเจนสีเขียวรายใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม โลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐอาจกำลังแตะเบรกเรื่องนี้ 

6. ปริมาณน้ำมันเบนซินสูงสุดจากศักยภาพการกลั่นใหม่: ขีดความสามารถการกลั่นของน้ำมันเบนซินไม่สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่มีเงื่อนไขรถยนต์ไฟฟ้าและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของรถยนต์สันดาป

7. OPEC+คือเสือลำบาก  โอเปก+ พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตในปี 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันมากนัก เนื่องจากคาดว่าการเติบโตของปริมาณการผลิตของกลุ่มที่ไม่ใช่โอเปกจะมากกว่าการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกโดยรวม

8.  คลื่นลูกใหม่ของการส่งออก LNG :ตลาด LNG ทั่วโลกมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 จากกำลังการผลิตก๊าซเหลวใหม่ที่จะเริ่มใช้งานในอเมริกาเหนือ

9. ความไม่แน่นอนการลดปริมาณการใช้ถ่านหิน แม้ว่าการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนจะแตะระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการถ่านหินทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของปริมาณการใช้ไฟฟ้า สำหรับศูนย์ข้อมูลและการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้แซงหน้าการเติบโตมหาศาลของพลังงานหมุนเวียน

10. COP 30 กลับมาที่บราซิล ในเดือนพ.ย. 2568 การเจรจาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของการประชุมภาคี (COP) จะกลับมาที่บราซิลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดตั้งกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ในการประชุมสุดยอดโลกที่ริโอในปี 2515

ล่าสุดใน COP29 ที่บากู ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของกระบวนการ COP ทั้งหมด ทำให้ การประชุม COP30 จะได้รับมอบหมายให้เสริมสร้างคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เรียกว่า “การมีส่วนร่วมที่มุ่งมั่นในระดับชาติ” หรือ NDC 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง โดยอิงจากตำแหน่งที่ผ่านมา และประเทศ OECD ที่สำคัญก็ดูเหมือนจะเสียสมาธิกับเรื่องในประเทศเช่นกัน

      ปฏิกิริยาของรัฐบาลและภาคธุรกิจรวมถึงผู้บริโภค กำลังส่งสัญญาณถึงความไม่มั่นใจและไม่แน่นอนต่อสถานการณ์พลังงานและการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนศูนย์ ซึ่งปี 2568 เป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญหากคงความแน่วแน่ต่อเป้าหมายได้ ในปี ถัดๆไปก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก

“ดาต้าเซ็นเตอร์- เอไอ”ดันดีมานด์พลังงานหันเร่งพัฒนา“นิวเคลียร์”