พาณิชย์ชวนบริโภค”หอมแดง “พืชเศรษฐกิจไทย

"พาณิชย์ "เผย "หอมแดง" พืชเศรษฐกิจไทย เผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนะส่งเสริมวิจัยและพัฒนา แปรรูปเพิ่มมูลค่า รุกส่งออก พร้อมชวนบริโภคหอมแดง ชี้ มีสรรพคุณทางยา
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้า"หอมแดง"ของไทยอย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ตอบรับนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการติดตามเฝ้าระวังช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด เชื่อมโยงและกระจายหอมแดงออกนอกแหล่งผลิต
โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปีเพาะปลูก 2566/67 ปริมาณผลผลิต 148,239 ตัน ลดลง 0.72 % ปีก่อนหน้า แหล่งเพาะปลูกสำคัญ ได้แก่ ศรีสะเกษ (51.77 %ของผลผลิตทั้งหมด) เชียงใหม่ (21.78% ) อุตรดิตถ์ (5.21%) พะเยา (4.42% ) และอื่น ๆ ( 16.82% ) สำหรับปีเพาะปลูก 2567/68 คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิต 152,221 ตัน เพิ่มขึ้น 2.69 %จากปีก่อนหน้า
สถานการณ์การค้า ในปี 2566 ไทยส่งออกหอมแดง ปริมาณ 15,324 ตัน เป็นมูลค่า 12.10 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 29.38 % จากปีก่อนหน้า โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และอื่น ๆ
สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – พ.ย.) ไทยส่งออกหอมแดงปริมาณ 14,728 ตัน มูลค่า 12.11 ล้าน ขยายตัว 19.59 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้มาเลเซียเป็น ตลาดส่งออกหลักของไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย ได้เผยแพร่รายงาน Supply and Utilization Accounts (SUA) of Selected Agricultural Commodities (2019-2023) ระบุว่า หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรที่มาเลเซียพึ่งพาการนำเข้าเพียงอย่างเดียว
โดยในปี 2566 ความต้องการใช้หอมแดงของมาเลเซียอยู่ที่ 39,824 ตัน และชาวมาเลเซียบริโภคหอมแดงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของมาเลเซีย จึงได้พัฒนาการปลูกหอมหัวใหญ่และหอมแดง เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ คือ
ระยะก่อนการค้า (ปี 2567 – 2568) จะสำรวจศักยภาพการปลูก จัดหาเมล็ดพันธุ์ พร้อมทั้งกำหนดและพัฒนาพื้นที่ปลูกจำนวน 100 เฮกตาร์ โดยในระยะนี้ ตั้งเป้าจะผลิตหอมหัวใหญ่และหอมแดง 1,000 ตัน และ 2 ระยะการค้า (ปี 2569 – 2573) จะพัฒนาพื้นที่ปลูก 1,347 เฮกตาร์ โดยคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิต 14,470 ตัน ตอบสนองต่อความต้องการในประเทศได้ร้อยละ 30 ภายในปี 2573
สำหรับอินโดนีเซีย หอมแดงถือเป็นสินค้าผักสำคัญในภาคเกษตร หน่วยงานอาหารแห่งชาติของอินโดนีเซีย (Bapanas) ตั้งเป้าหมายให้อินโดนีเซียเป็นผู้นำการผลิตหอมแดง ที่จะมีผลผลิตปีละ 1.35 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการบริโภคภายในประเทศอยู่ที่ 1.16 ล้านตัน แสดงถึงการมีผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศและ
สำหรับการส่งออก ในปี 2566 การส่งออกหอมแดงของอินโดนีเซียไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นไปในทิศทางที่ดี และการส่งออกไปมาเลเซียก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่งออกได้มากถึง 612.8 ตัน (จากเพียง 59.6 ตัน ในปี 2564 )
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามนโยบายสำคัญของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดูแลสินค้าเกษตร มุ่งหวังผลักดันราคาให้เป็นปีทองของสินค้าเกษตร ผ่านกลไกการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ในการกำกับดูแลการค้าให้มีประสิทธิภาพ ให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาที่เป็นธรรมและคุ้มต้นทุน
โดยได้ประสานผู้ประกอบการและผู้ส่งออกเข้าไปรับซื้อเพื่อกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต รณรงค์การบริโภคและเปิดจุดจำหน่ายให้ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น และได้ผลักดันหอมแดงศรีสะเกษซึ่งเป็นสินค้าที่ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) นำไปใช้รังสรรค์เมนูอาหารที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสนับสนุนการสร้างรายได้ให้เกษตรกร
“หอมแดงไทยเป็นสินค้าคุณภาพดี เป็นที่รู้จัก มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมอาหารและยา โดยมีสรรพคุณทางยาที่ใช้ในตำรับยาสมุนไพร อีกทั้งรัฐบาลให้ความสำคัญในฐานะพืชเกษตรเศรษฐกิจ “นายพูนพงษ์ กล่าว่
อย่างไรก็ตาม หอมแดงยังเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการผลผลิตในช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก การพัฒนาการค้าสินค้าหอมแดง จึงควรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการเพาะปลูกและการเก็บรักษาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน รวมถึงสนับสนุนการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าที่สอดรับกับความต้องการของตลาด อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและคว้าโอกาสการส่งออกได้เพิ่มขึ้น







