เปิดผลวิเคราะห์ ‘สศค.’ นโยบายทรัมป์ 2.0 ต่อเศรษฐกิจไทย

เปิดผลวิเคราะห์ ‘สศค.’ นโยบายทรัมป์ 2.0 ต่อเศรษฐกิจไทย

“สศค.” วิเคราะห์นโยบายทรัมป์ 2.0 กระทบเศรษฐกิจไทยภาคส่งออก และลงทุน FDI จากสหรัฐลดลง เสี่ยงเงินทุนไหลออก และบาทอ่อนค่า เมื่อสหรัฐยังมีแนวโน้มดอกเบี้ยสูง แนะไทยเร่งขยายตลาดส่งออก พัฒนาฝีมือแรงรับการลงทุนย้ายฐาน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ติดตาม และประเมินผลกระทบการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.2568 

สำหรับ นโยบายทรัมป์ 2.0 มุ่งเน้นนโยบาย "America First“ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และการเมืองของสหรัฐ มีนโยบายหลัก ดังนี้

1.ด้านการค้า ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน สูงสุด 60% 

2.ด้านเศรษฐกิจ ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% สำหรับบริษัทที่ผลิตในสหรัฐ เป็นนโยบายที่ต้องการให้เกิดการลงทุนย้ายกลับสู่ถิ่นฐาน (Reshoring)

3.ด้านพลังงาน ส่งเสริมพลังงานฟอสซิล ขยายการขุดเจาะน้ำมัน และถ่านหิน

4.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกเลิกการลงทุนในพลังงานสีเขียว

5.ต่อต้านผู้อพยพ เพิ่มข้อจำกัดด้านการเข้าเมือง เพื่อส่งเสริมอาชีพชาวอเมริกัน

สศค. ประเมินว่านโยบายดังกล่าว จะส่งผลกระทบของต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน ประกอบด้วย

1. การค้าการส่งออกไทยไปสหรัฐ อาจลดลง นอกจากนี้ การกีดกันจีนทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทย

2. การลงทุนโดยตรง (FDI) จากสหรัฐ ลดลง เนื่องจากนโยบายสนับสนุนการผลิตในประเทศ การย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐ (Reshoring) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบสำหรับไทย

3. มาตรการการเงิน ซึ่งมีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ อาจเพิ่มขึ้น ทำให้ทุนไหลออกจากไทย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลต่อการนำเข้า

4. ตลาดทุน และสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อาจเพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อในไทยสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีโอกาสของเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาดังกล่าว อาทิ การดึงดูดการลงทุนที่ต้องการย้ายฐานผลิตเพื่อหลบกำแพงภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งไทยรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รวมทั้งสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองตลาดโลก 

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรได้มากขึ้น เนื่องจากการกีดกันสินค้าจีนอาจเพิ่มความต้องการสินค้าไทย เช่น อาหารแช่แข็ง 

ขณะเดียวกัน สศค.มีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการปรับตัวของไทยเพื่อเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงของนโยบายสหรัฐที่จะเกิดขึ้น ได้แก่

1. ขยายตลาดส่งออก ลดการพึ่งพาสหรัฐ และจีน ขยายตลาดในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย

2.ส่งเสริมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสะอาด

3.พัฒนาแรงงาน เพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และการผลิตอัตโนมัติ

ขณะที่ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งการชะลอตัวของจีน ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน และความต้องการสินค้าในภูมิภาคค่าเงินบาทผันผวน เพิ่มต้นทุนการนำเข้า และลดความสามารถในการแข่งขัน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์