โลเคชั่นปั้น 'บันเทิงครบวงจร' คลองเตย - อู่ตะเภา เข้าตานักลงทุน

เปิด 2 ทำเลทอง "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" รัฐบาลเร่งร่างกฎหมายแล้วเสร็จปีนี้ ก่อนลุยประมูลหานักลงทุนปีหน้า หวังดันท่องเที่ยวไทยสู่จุดหมายปลายทางระดับโลก ขณะที่ 6 ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรีสอร์ต และกาสิโนระดับโลกสนใจร่วมทุน
KEY
POINTS
- เปิด 2 ทำเลทอง "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" รัฐบาลเร่งร่างกฎหมายแล้วเสร็จปีนี้ ก่อนลุยประมูลหานักลงทุนปีหน้า หวังดันท่องเที่ยวไทยสู่จุดหมายปลายทางระดับโลก ขณะที่ 6 ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรีสอร์ต และกาสิโนระดับโลกสนใจร่วมทุน
- ด้านการท่าเรือฯ ยันความพร้อมรับนโยบายรัฐบาล แต่ต้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ เนื่องจากพื้นที่ท่าเรือมีพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494
- ขณะที่ UTA ประเมินหาก "กาสิโน" ถูกกฎหมาย จะสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเช่าพื้นที่เมืองการบินอู่ตะเภาและลงทุนธุรกิจนี้
หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 ล่าสุด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม วานนี้ (18 ม.ค.) โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับไทม์ไลน์ ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายพยายามทำให้กฎหมายผลักดันโครงการสถานบันเทิงครบวงจรให้พร้อมภายในปีนี้ และต้นปีหน้าจะดำเนินการเรื่องของการจัดตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อดูการวางกติกาและรายละเอียดของการประกวดราคาคัดเลือกนักลงทุน
ขณะที่ข้อมูลก่อนหน้านี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า การขับเคลื่อนโครงการสถานบันเทิงครบวงจร จะเป็นการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว โดยใช้โมเดลคล้ายการผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการออกกฎหมายเฉพาะขึ้นมาบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
อีกทั้งเรื่องนี้จะต้องขับเคลื่อนด้วย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งหาก พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดพื้นที่และเงื่อนไขการลงทุน ส่วนรูปแบบแน่นอนว่าจะต้องเปิดกว้างประมูลหานักลงทุนทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ แต่ต้องจดทะเบียนในไทย และมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท
ส่วนประเด็นพื้นที่ในการพัฒนา “สถานบันเทิงครบวงจร” จะมีการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่การลงทุนที่พิจารณาจากหลายประเด็น ซึ่งขนาดของพื้นที่อาจจะไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ เช่น
1.พื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเหมาะสม เช่น ด้านคมนาคม
2.พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว
3.พื้นที่ของรัฐที่จะทำให้รัฐได้ค่าเช่าจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ทั้งนี้สถานบันเทิงครบวงจรในมุมมองของรัฐบาลต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการลงทุนใหม่ สร้างการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในพื้นที่นี้จะประกอบด้วย โรงแรมระดับ 4-5 ดาว รวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ห้อง ศูนย์จัดประชุม และนิทรรศการนานาชาติ สนามกีฬา คอนเสิร์ตฮอลล์มาตรฐานระดับโลก ศูนย์การค้า และร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก ร้านอาหาร และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ ส่วนกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมในพื้นที่นี้ ซึ่งจะต้องมีการกำหนดสัดส่วนพื้นที่พัฒนา
ขณะที่การสำรวจความสนใจของนักลงทุน พบว่าขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 6 ราย แสดงความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรีสอร์ต และกาสิโนระดับโลก ประกอบด้วย
1.Las Vegas Sands
2.Wynn Resorts
3.Caesars Entertainment
4.MGM China Holdings Limited
5. Hard Rock Café
6.Melco Resorts & Entertainment
สำหรับพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนา “สถานบันเทิงครบวงจร” พบว่าปัจจุบันมี 2 พื้นที่ที่ถูกกล่าวถึงและเจ้าของพื้นที่ยืนยันความพร้อมในการพัฒนา คือ ท่าเรือกรุงเทพ และเมืองการบินอู่ตะเภา เนื่องจากทั้งสองพื้นที่นี้ปัจจุบันมีแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์คที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเดินทางสะดวก และอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ
โดยปัจจุบัน “ท่าเรือกรุงเทพ” การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มีการศึกษาจะยกระดับท่าเรือและชุมชนโดยรอบ ผ่านแผนพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) บนที่ดินรวม 2,353 ไร่ ลักษณะโครงการแบบผสมผสาน (Mixed Use) พัฒนาที่อยู่อาศัยในชุมชนคลองเตยเป็นอาคารแนวสูง ดำเนินโครงการเขตปลอดอากร (Bangkok Port Free Zone) เพิ่มพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การประชุม และพื้นที่ขายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) เป็นต้น
ขณะที่ “เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข” ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระบุว่า หากรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ เนื่องจากพื้นที่ท่าเรือมีพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 ซึ่งระบุว่า พื้นที่นี้เวนคืนมาเพื่อดำเนินการ และสร้างความเจริญในกิจการท่าเรือ และเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ และประชาชน ซึ่งต้องใช้ประโยชน์เพื่อการดำเนินกิจการท่าเรือ และโลจิสติกส์
ส่วน “เมืองการบินอู่ตะเภา” ปัจจุบันดำเนินการโดยบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ซึ่งมีแผนพัฒนาพื้นที่แห่งนี้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า โรงแรม ดิวตี้ฟรี ศูนย์อาหาร และสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน เป็นต้น แต่แผนพัฒนาในปัจจุบันยังไม่มีการทำคาสิโน
แต่อย่างไรก็ดี “พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพจำกัด (มหาชน) เคยระบุว่า หากรัฐบาลผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมไปถึงกาสิโนถูกกฎหมาย และพื้นที่เมืองการบินเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการพัฒนาโครงการนั้น ก็มองว่าจะสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเช่าพื้นที่เมืองการบินอู่ตะเภาและลงทุนธุรกิจนี้