'จีน' เข้มนำเข้าทุเรียน ต้องใบรับรองปลอดสารก่อมะเร็ง BY2

'จีน' เข้มนำเข้าทุเรียน ต้องใบรับรองปลอดสารก่อมะเร็ง BY2

สคต.หนานหนิง ประเทศจีน เผย ศุลกากรจีน ยกระดับตรวจสอบคุณภาพทุเรียนนำเข้าจากทุกประเทศ ต้องมีผลตรวจสอบสารก่อนมะเร็ง Basic Yellow 2 (BY2) บังคับใช้ 10 ม.ค. ทุเรียนสดไทย 1 ตู้ถูกระงับการนำเข้าแล้ว แนะผู้ส่งออกตรวจสอบมาตรฐานก่อนส่งออก

KEY

POINTS

Key Point

  • จีนเป็นตลาดบริโภคทุเรียนที่มากที่สุดของโลก
  • 11 เดือนปี 67 จีนนำเข้าทุเรียนไทยมีปริมาณ 7.96 แสนตัน มูลค่า 27,954 ล้านหยวน
  • ศุลกากรจีน  ประกาศใช้มาตรการตรวจสอบสาร Basic Yellow 2 (BY2) ในทุเรียน มีผลบังคับใช้ 10 ม.ค. 2568
  • 11 ม.ค.2568 ทุเรียนสด 1 ตู้นำเข้าจากไทยถูกระงับห้ามนำเข้าจีน เนื่องจากไม่มีผลวิเคราะห์สาร BY2  แนบมากับสินค้า

เว็ปไซต์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (สคต.) ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน รายงานว่า  เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา ทุเรียนสด 1 ตู้ที่นำเข้าจากไทยที่เข้าประเทศจีนผ่านสนามบินนานาชาติอู๋ซวีเมืองหนานหนิงที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน ถูกปฏิเสธการนำเข้าผ่านด่าน เนื่องจากไม่มีผลวิเคราะห์สาร Basic Yellow 2 (BY2) แนบมากับสินค้า

ทั้งนี้เป็นทุเรียนล๊อตแรกจากต่างประเทศที่ถูกปฎิเสธผ่านด่านหลังจากการดำเนินการมาตรการตรวจสอบสาร BY2 กับทุเรียนนำเข้าทุกล๊อต

สาร BY2 เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ใช้ในการย้อมผ้า กระดาษ หนัง และสีทาบ้าน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้สารนี้เป็นสารก่อมะเร็งและกระทรวงสาธารณสุขของจีนจัดให้สารนี้เป็นสารที่กินไม่ได้ในเมื่อปี 2551

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2568 ศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) กำหนดให้ทุเรียนทุกล๊อตจากทุกประเทศที่ส่งออกมาจีนต้องแนบผลวิเคราะห์ BY2 และผลต้องไม่พบสารดังกล่าว โดยจีนจะสุ่มตรวจที่ด่านนำเข้าสินค้าทุกล๊อต โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป

มาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีน ได้ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารของทุเรียนไทยที่นำเข้ามาประเทศจีน พบปัญหาการใช้สาร BY2

จึงทำให้ศุลกากรแห่งชาติจีนออกมาตรการอย่างฉุกเฉินที่ใช้กับประเทศที่อนุญาตส่งออกทุเรียนเข้าจีน ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย กับด่านนำเข้าผลไม้ของจีนทุกแห่ง เวลาในการตรวจสอบของศุลกากรอยู่ที่ประมาณ 3 – 7 วันทําการ ขึ้นอยู่กับความพร้อมและผลตรวจสอบของศุลกากรท้องถิ่นแต่ละแห่ง และไม่สามารถผ่านด่านได้ในช่วงระยะเวลารอผลการตรวจสอบ

ตามสถิติจากศุลกากรแห่งชาติจีน จีนเป็นตลาดบริโภคทุเรียนที่มากที่สุดของโลก สัดส่วนบริโภคทุเรียนคิดเป็น  91 % ของโลก เมื่อช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 จีนนำเข้าทุเรียนทั้งหมด 1.53 ล้านตัน มูลค่า 48,585 ล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.3  % และ 5.1 %ตามลำดับ ประกอบด้วยการนำเข้าจากไทยมีปริมาณ 7.96 แสนตัน มูลค่า 27,954 ล้านหยวน ลดลง 11.13%  จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566

ปริมาณนำเข้าจากเวียดนาม 7.2 แสนตัน มูลค่า 20,375 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น  38.93 % ปริมาณนำเข้าจากฟิลิปปินส์ 1.33 หมื่นตัน มูลค่า 227 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น  144.65 % ปริมาณนำเข้าจากมาเลเซีย 255 ตัน มูลค่า 30 ล้านหยวน สำหรับทุเรียนของมาเลเซียเพิ่งได้รับอนุญาตนำเข้าสู่ประเทศจีนในเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2567

หลังจากมาตรการดังกล่าวที่ดำเนินการอย่างเป็นทางการทำให้ประเทศไทย เวียดนาม  ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย มีการระงับส่งออกทุเรียนเป็นชั่วคราว และมีการปรับมาตรการตรวจสอบเพื่อผ่านมาตรฐานการนำเข้าของจีน ทั้งนี้ กรมวิชาเกษตรได้ออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 10 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ดังนี้

 1. กรณีที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ต้องใช้ทั้งชนิดและปริมาณที่ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง หรือตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 หรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า

 2. กรณีตรวจพบโรงคัดบรรจุใช้สารห้ามใช้หรือมีสารห้ามใช้ไว้ในครอบครอง จะถูกระงับการส่งออกและนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืชก็ได้

 3. กรณีเจ้าหน้าที่สงสัยว่าทุเรียนมีการใช้สารห้ามใช้ ให้มีอำนาจสั่งให้โรงคัดบรรจุนำผลทุเรียนนั้นไปตรวจวิเคราะห์กับห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืช

สคต. ณ เมืองหนานหนิง  ให้ความเห็นว่า  การยกระดับมาตรการตรวจสอบทุเรียนนำเข้าของจีนเป็นเรื่องสำคัญต่อความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อทุเรียนที่ส่งออกเข้าตลาดจีน และทำให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าต้องปรับมาตรฐานการส่งออกมีต้นทุนเพิ่มขึ้น

และต้องมีการวางแผนการส่งสินค้าอย่างดี แต่ถ้ามองจากระยะยาวมาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมให้การยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของทุเรียน รวมถึงช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรรักษาคุณภาพของทุเรียน โดยไม่ใช้สารที่มีอันตรายต่อร่างกาย และผ่านการมาตรฐานที่กำหนดของศุลกากรแห่งชาติจีน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทุเรียนที่ดีและครองตำแหน่งผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของจีนต่อไป อย่างไรก็ตามปัจจุบันศุลกากรแห่งชาติจีน ยังไม่มีการออกประกาศเกี่ยวกับการตรวจสอบที่ชัดเจน

ทั้งนี้ สคต.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบในโอกาสแรก สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สคต.ณ เมืองหนานหนิง ทาง Email: [email protected]