'การบินไทย' เคานต์ดาวน์เลิกฟื้นฟู จับตา 'คลัง' ชิงบอร์ด 4 ตำแหน่ง

'การบินไทย' เคานต์ดาวน์เลิกฟื้นฟู จับตา 'คลัง' ชิงบอร์ด 4 ตำแหน่ง

“การบินไทย” จ่อเคาะรายชื่อบอร์ดใหม่ภายใน ก.พ.นี้ คาดแต่งตั้งไม่เกิน 15 คน หวังบริหารงานคล่องตัวในฐานะองค์กรเอกชน จับตา “คลัง” ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ส่งตัวแทนนั่งสูงสุด 4 คน ขณะที่คืบหน้ายื่นแก้แผนฟื้นฟู “ศาลล้มละลายกลาง” นัดตัดสิน 21 ม.ค.68 นี้ เจ้าหนี้หวั่นการเมืองแทรกแซง

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของแผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากการบินไทยเริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2564

ล่าสุดหลังจากมีการยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการครั้งล่าสุด และรอคำสั่งศาลล้มละลายกลางในวันที่ 21 ม.ค.2568 ซึ่งการบินไทยดำเนินการปรับโครงสร้างทุนทั้งในส่วนการแปลงหนี้เป็นทุน และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงความคืบหน้าของการเตรียมนำบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ โดยระบุว่า ขณะนี้การบินไทยได้ปรับโครงสร้างทุนแล้วเสร็จทำให้ส่วนทุนกลับมาเป็นบวก 

รวมทั้งไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการยื่นออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

ขณะนี้เหลือเพียงการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ใหม่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเปิดให้ผู้ถือหุ้นเสนอรายชื่อตัวแทนเข้ามาเป็นบอร์ด โดยมีกำหนดให้เสนอรายชื่อภายใน 31 ม.ค.นี้ 

\'การบินไทย\' เคานต์ดาวน์เลิกฟื้นฟู จับตา \'คลัง\' ชิงบอร์ด 4 ตำแหน่ง

ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเดือนก.พ.2568 จะเห็นความชัดเจนของโครงสร้างและรายชื่อบอร์ด ก่อนจะมีการนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งแรกในช่วงเดือน เม.ย.2568 เพื่อลงมติพิจารณาการแต่งตั้งรายชื่อบอร์ดชุดใหม่ของการบินไทยเพื่อเข้ามาบริหารนโยบายบริษัทหลังออกจากการฟื้นฟูกิจการ

อย่างไรก็ดี ในฐานะฝ่ายบริหารของการบินไทย ตนมองว่าโครงสร้างบอร์ดที่เหมาะสม และเกิดความคล่องตัวของการบริหารงานนั้น โดยปกติแล้วหลายบริษัทจะมีกรอบจำนวนบอร์ดอยู่ที่ 5-15 คน ขณะที่บอร์ดการบินไทยในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนเต็มกรอบ และส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากภาครัฐเนื่องจากการบินไทยเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นในขณะนี้ส่วนตัวมองว่าเพื่อบริหารงานคล่องตัวมากขึ้น จึงไม่ควรมีจำนวนบอร์ดมากเกินไป หรือไม่ควรถึงกรอบกำหนด 15 คน

เปิดให้ผู้ถือหุ้นเสนอชื่อบอร์ดใหม่

นายชาย กล่าวว่า รายชื่อบอร์ดชุดใหม่ของการบินไทยนั้น จะมาจากผู้ถือหุ้นเสนอตัวแทนตามสิทธิของสัดส่วนหุ้น ซึ่งในส่วนภาครัฐโดยกระทรวงการคลัง ปัจจุบันหลังปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนอยู่ที่ราว 39% และหากรวมการถือหุ้นของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดจะคงสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 48% เบื้องต้นจึงประเมินว่าหากภาครัฐส่งตัวแทนเป็นบอร์ดเต็มจำนวนสิทธินั้น น่าจะอยู่ที่ราว 3-4 คน

ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้แปลงหนี้เป็นทุนปัจจุบันมีสัดส่วนถือหุ้นรวมประมาณ 52% จะมีสิทธิส่งตัวแทนเป็นบอร์ด อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จะได้สิทธิส่งตัวแทน 1 คน สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีสิทธิส่งตัวแทน 1 คน และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้กลุ่มสหกรณ์จะมีสิทธิส่งตัวแทนตามลำดับการถือหุ้น

ทั้งนี้ การบินไทยยังคงมั่นใจว่าจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ตามเป้าหมายในเดือนพ.ค.2568 เนื่องจากเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการขณะนี้สามารถดำเนินการได้ครบถ้วนแล้ว โดยการบินไทยจะยื่นคำร้องออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้นคาดว่ากระบวนการพิจารณาน่าจะอยู่ที่ราว 1 เดือน และเมื่อได้รับการอนุมัติออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว ประเมินว่าจะสามารถกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในไตรมาส 2

นับถอยหลังออกจากแผนฟื้นฟู

นายชาย กล่าวด้วยว่า นอกจากการบินไทยจะเดินหน้าเตรียมยื่นคำร้องออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลล้มละลายกลาง ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ พิจารณาคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ 3 ประเด็น ประกอบด้วย 

1.การลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม 2.ขอจ่ายเงินปันผล และ 3.เพิ่มผู้บริหารแผนอีก 2 คน คือ นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการเจ้าหนี้การบินไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหนี้การบินไทยซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้น มีความกังวลต่อการเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาล เนื่องจากมีการเสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเพิ่มตัวแทนจากภาครัฐเข้ามา 2 คน ในช่วงเวลาที่การบินไทยกำลังดำเนินการฟื้นฟูกิจการใกล้แล้วเสร็จ 

ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐไม่ส่งตัวแทนมาเป็นผู้บริหารแผน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็สามารถใช้สิทธิในการส่งตัวแทนมาเป็นบอร์ดได้ ดังนั้นการเร่งรีบส่งตัวแทนเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนครั้งนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าปัจจุบันผู้บริหารแผนกำลังทำหน้าที่สุดท้าย ดำเนินการตามเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ โดยจะต้องเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเข้ามาเป็นบอร์ดชุดใหม่ของการบินไทย 

ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าตำแหน่งผู้บริหารแผนมีส่วนสำคัญในการรวบรวมเสนอรายชื่อบอร์ด แต่อย่างไรก็ดีอำนาจท้ายที่สุดคือ ผู้ถือหุ้นทั้งหมด ที่จะต้องพิจารณา และลงมติร่วมกันในการคัดเลือก และแต่งตั้งบอร์ดใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.นี้

“การเข้ามามีบทบาทของภาครัฐต่อการบินไทยในช่วงที่ผ่านมา เห็นชัดแล้วว่าส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะที่ผ่านมาทราบว่าฝ่ายบริหารของการบินไทยโรดโชว์ไปเชิญชวนนักลงทุนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุน และได้รับการตอบรับดี แต่เมื่อมีการเข้ามาแทรกแซงของภาครัฐ ก็ส่งผลให้นักลงทุนไม่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามเป้าหมาย และการบินไทยพลาดเป้าเพิ่มทุนไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว

เผยแผนจัดหาเครื่องบินรอบอร์ดชุดใหม่

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ภายหลังการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านบริหารงาน ซึ่งเกิดจากนโยบายของบอร์ดชุดใหม่ที่มาจากตัวแทนผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย โดยในฐานะเจ้าหนี้มองว่าหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องมีการตัดสินใจในอนาคต คือ การจัดหาเครื่องบิน เพราะปัจจุบันการบินไทยทำสัญญาจัดหาเครื่องบิน และเครื่องยนต์ร่วมกับบริษัท โบอิ้ง และ บริษัท จีอี แอโรสเปซ จำนวน 45 ลำ

นอกจากนี้ยังทำสิทธิในการจัดหาเพิ่มเติม (Option Order) อีก 35 ลำ ข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินรวมทั้งหมด 80 ลำ โดยในส่วนของ 35 ลำล็อตหลังนั้น ยังมีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับอำนาจบอร์ดชุดใหม่ด้วย ดังนั้นในฐานะเจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้นการบินไทย ต้องการให้บอร์ดชุดใหม่ตัดสินใจอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบต่อการบริหารงานที่จะต้องหารายได้ และใช้คืนหนี้ที่ครบกำหนด

รายงานข่าวระบุว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน ข้อมูล ณ 31 ต.ค.2567 พบว่า กระทรวงการคลัง ถือหุ้นสูงสุด 47.9%, รัฐวิสาหกิจ 2.1%, กองทุนวายุภักษ์ 7.6%, ผู้ถือหุ้นอื่นๆ (เดิม) 42.4% 

ส่วนโครงสร้างการถือหุ้นหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน พบว่าภาครัฐถือหุ้นรวมประมาณ 48% โดยส่วนนี้กระทรวงการคลังถือหุ้นจำนวน 39% ที่เหลือเป็นสัดส่วนหุ้นจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และกองทุนวายุภักษ์ ขณะที่เจ้าหนี้รายอื่น พนักงานและบุคคลในวงจำกัด ปัจจุบันครองสัดส่วนหุ้นรวม 52%

คาดปี 68 ธุรกิจการบินกำไรโต

นายชาย กล่าวถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมการบิน ว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่อุตสาหกรรมการบินโลกได้รับการคาดการณ์ว่าจะทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องอีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คาดว่ารายได้ และความสามารถในการทำกำไรจะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนหน้าการระบาดของ COVID-19 ในปี 2562

ทั้งนี้ในส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยคาดว่าจะมีการเติบโตในอัตราที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยนโยบายเชิงรุกที่ต่อเนื่องของภาครัฐ ซึ่งก็จะทำให้อุตสาหกรรมบริการที่เกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ไปด้วย

ขณะที่การที่รัฐบาลในหลายประเทศหันมาใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์หลักในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบ Quick Win มากยิ่งขึ้นหลัง COVID ดังที่เห็นได้จากการที่หลายประเทศมีนโยบาย Visa-Free สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นให้เกิด Demand ในการเดินทางมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนเศรษฐกิจไทยพบว่าหลายสถาบันยังคงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะมีการเติบโตในระดับที่ไม่สูงมากนัก GDP ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตก็อยู่ในระดับ 3% บวกลบ 

ดังนั้นหากมองการใช้จ่าย และการบริโภคภาคครัวเรือนอาจจะเติบโตอยู่ในวงจำกัดในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลกระทบในเรื่องของความมั่นใจจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงการจ้างงาน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคธุรกิจขนาดย่อมเอง ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการขยายตัวของธุรกิจเหล่านั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์