เปิด 6 ยุทธศาสตร์จัดสรรงบฯปี 69 รัฐวางกรอบนโยบายสำคัญจัดสรรงบฯ 3.7 ล้านล้าน

เปิด 6 ยุทธศาสตร์จัดสรรงบฯปี 69  รัฐวางกรอบนโยบายสำคัญจัดสรรงบฯ 3.7 ล้านล้าน

รัฐบาลวางกรอบยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณปี 2569 รวม 6 ด้าน ผ่านความเห็นชอบ ครม.เรียบร้อย กรอบวงเงินรวมกว่า 3.7 ล้านล้านบาท ส่องรายละเอียดนโยบายเรือธงเพื่อไทยยังอยู่ครบ ทั้งแจกเงินดิจิทัล 30 บาทรักษาทุกโรค เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก ดันยุทธศาสตร์ดึงลงทุนอุตสาหกรรมใหม่

การจัดสรรงบประมาณภาครัฐถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสามารถกำหนดทิศทาง และความสำคัญของนโยบายต่างๆว่าจะมุ่งเน้นไปที่ด้านใด

รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังเข้าสู่ห้วงเวลาของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งจะถือเป็นงบประมาณปีแรกที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้ารัฐบาลในการจัดทำงบประมาณเอง ซึ่ง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้จะใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 ไปจนถึง 30 ก.ย.2569

สำหรับกรอบงบประมาณในปี 2569 กำลังอยู่ระหว่างการนัดหมายกันหารือกรอบงบประมาณระหว่าง 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ อย่างไรก็ตามหากยึดในเอกสารกรอบการคลังระยะปานกลางได้กำหนดกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2569 ไว้ที่ 3.743 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบประมาณแบบขาดดุล 7.03 แสนล้านบาท หรือขาดดุลงบประมาณ 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

ทั้งนี้เพื่อให้การจัดทำงบประมาณมีกรอบและแนวทางที่ชัดเจน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบของการจัดทำงบประมาณปี 2569 โดยมีการวางยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่  

  1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
  2. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
  3. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
  4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
  5. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

โดยมีรายละเอียดแต่ละยุทธศาสตร์ดังนี้

1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง

1)พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจ การดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ การส่งเสริมสถาบันศาสนา ดูแลให้มีการปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เร่งจัดทำรัฐธรรมนูฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตย แก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร แก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ป้องกันและแก้ไข ปัญหาภัยพิบัติ แก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งร่วมกับทุกภาคส่วน สร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ การปฏิรูปกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

2)ดำเนินความสัมพันธ์กับนานาประเทศอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ เดินหน้าสานต่อนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)

 2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน

1)สร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) หาโอกาสในตลาดใหม่ ๆ และอาหารฮาลาลฟื้นนโยบาย "ครัวไทยสู่ครัวโลก" ยกระดับการทำเกษตรแบบตั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และราคาพืชผลการเกษตร ยกระดับรายได้ของเกษตรกร ส่งเสริมให้เกษตรกรประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ด้านการเกษตร (Agri-Tech) อาทิ เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) เทคโนโลยีด้านอาหาร (Food Tech)

2) ส่งเสริมโอกาสในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ปรับกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ (Care and Wellness Economy) และบริการทางการแพทย์ (Medical Hub) ส่งเสริมการผลิตและการใช้งานอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในประเทศ สนับสนุนการยกระดับ สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยโดยใช้นวัตกรรม ยกระดับอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของไทย ให้ได้มาตรฐานสากล ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจกิจดิจิทัลให้เป็นอุตสาหกรรมดิจิทัลสมัยใหม่ (Digital Economy) ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเพื่อตั้ง Data Center และโรงงานผลิตชิป ชิปดีไซน์ และ Semiconductor

กระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาบไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต (HEVs PHEVS BEVs และ FCEVs) ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้มาตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ถ่ายโอนเทคโนโลยีสมัยใหม่และองค์ความรู้ในการผลิตและประกอบชิ้นส่วน ยานยนต์สมัยใหม่ให้แก่ธุรกิจไทย ส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะและการปรับทักษะของแรงแรงงานไทย ในอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

3)สร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการบนฐานทุนทางวัฒนธรรม และทรัพยากรธรรมชาติ

ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ยกระดับศักยภาพของชุมชน ฐานชุมชนเมือง สินค้า OTOP เพิ่มความสามารถของพื้นที่ ในการรองรับนักท่องเที่ยว สร้างแรงจูงใจสำหรับสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า ทั้งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานไมซ์ (MICE) และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานทางไกล (Digital Nomad) ส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) รวมถึงการนำคอนเสิร์ต เทศกาล การจัดประชุมนานาชาติ และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย

4)ส่งเสริมให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการคนาคมและขนส่งของภูมิภาค (Logistics Hub) โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งทางราง ทางน้ำ ทางถนน และทางอากาศ อย่างไร้รอยต่อ พัฒนาสนามบินและเส้นทางการบินใหม่ ๆ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) เพิ่ม Gateway ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนน พัฒนาระบบขนส่ง ขับเคลื่อนโครงการ Landbridge ผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (Mass Transit) กำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับนโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" ตลอดสาย ปรับโครงสร้างราคาพลังงานและกำหนดอัตราการรับซื้อตามประเภทเชื้อเพลิง ปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายพลังงานได้โดยตรง (Direct PPA) พัฒนาระบบ สำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ของประเทศ (Strategic Petroleum Reserve : SPR)

สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมและการเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา (OCA) สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานทางเลือกอื่น ๆ กำกับดูแลให้เกิดการจัดสรรคลื่นความถี่ และสิทธิในวงโคจรดาวเทียม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุม เพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา

5) ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ และทุนทางวัฒนธรรม โดยปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน (Local Wisdom) ในการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการส่งเสริม 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) ดูแล ส่งเสริม ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยและSME พัฒนาช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุน ที่เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ ๆ การแก้ไขปัญหาหนี้ของ SME อาทิการพักหนี้ การจัดทำ Matching Fund พัฒนากาการออกแบบสินค้าและบริการที่มีอัตลักษณ์และตราสินค้าที่เด่นชัดสามารถเข้าถึงตลาดผู้ซื้อ สนับสนุนการสอดแทรกทุนทางวัฒนธรรมในการผลิตภาพยนตร์ไทยและสื่อทุกรูปแบบ

ปกป้อง SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบและส่งเสริมวัฒนธรรมในพื้นที่ อาทิ ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA)

6) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน การตั้งกองทุนสนับสนุน การจัดซื้อโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของภาครัฐมาสนับสนุนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาสู่ผู้ประกอบการไทย

3.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

1)ส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต 

2)ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษาทุกระดับ สนับสนุนให้คนไทยทุกกลุ่มทุกวัยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพัฒนาตนเอง ส่งเสริมการเติบโต อย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมของเด็กปฐมวัย พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการคิดวิเคราะห์อย่างมีผล ยกระดับทักษะศักยภาพแรงงาน โดยการเสริมทักษะเดิม (Reskill) เพิ่มทักษะใหม่ (Upskilll) ดึงดูดแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ รวมทั้งตึงดูดแรงงานทักษะสูง ผู้ประกอบการ และนักลงทุน เพื่อเพิ่มกำลังแรงงานที่มีคุณภาพ

3)พัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นทั้งในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยเน้นการสอนทักษะที่ใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริงเพื่อการสร้างรายได้ (Leam to Earn) ลดภาระและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา ปฏิรูประบบอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการแรงงานในอนาคตและรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life - Long Learning)

4) เพิ่มการเข้าถึงการรักษาและบริการด้านสุขภาพจิตและการป้องกันยาเสพติด ขยายเครือข่ายการพัฒนาระบบบริการในทุกระดับ พัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล (Telemecicine) สานต่อโครงการฉีดวัคซีนปากมดลูก (HPV)

4.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม

1)การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศเร่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าถึงสิทธิที่พึ่งมี ส่งเสริม ความเท่าเทียมชายหญิงในครอบครัวและที่ทำงาน

2) การสนับสนุนองค์ความรู้พื้นฐานด้านการบริหารจัดการหนี้สินและการเงิน ส่งเสริมการออมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนและการประกอบอาชีพ ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในและนอกระบบ จัดทำแผนที่ที่ที่ทันสมัยเพื่อปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐและแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน ขยายโอกาสการเข้าถึงสิทธิที่ดิน ที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน ยุติความขัดแย้งและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน ยกระดับคุณภาพสินค้าโครงการ OTOP

3) ผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digtal Wallet) สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่สำคัญให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้โดยสะดวกตามที่กฎหมายบัญญัติ ลดภาระและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพ "๓๐ บาท รักษาทุกที่" ส่งเสริมการเกิดและเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียม

5.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

1) ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy or Eco-friendly Economy) โดยอาศัยจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ และที่ตั้งใกล้เส้นศูนย์สูตร ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาสมดุล ของระบบนิเวศท้องถิ่น สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่ายในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ เพิ่มขีดความสามารถของพื้นที่และชุมชนท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการรับมือกับภัยธรรมชาติ PM 2.5 สานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

พัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)  ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ของอาเซียนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย จัดการปัญหาการลักลอบกำจัดหรือฝังกลบกากอุตสาหกรรม ของเสียอันตรายด้วยความเข้มงวด

2)แก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งร่งร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่าง จัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ ต่อความต้องการเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จัดหาน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภคให้ประชาชนทุกพื้นที่เข้าถึงได้ เร่งให้น้ำถึงไร่นาด้วยการเพิ่มศักยภาพแหล่งกักเก็บน้ำ

เพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำในพื้นที่เชตชลประทาน พัฒนาและบริหารจัดการแหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน และแหล่งน้ำชุมชน ควบคู่กับการขยายเขตชลประทานและการเพิ่มแหล่งน้ำเพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม

และ 6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ได้แก่ การยกระดับการบริการภาครัฐให้มีขีดสมรรถนะสูง โดยเปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิหัล มีการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์จากศูนย์ข้อมูลภาครัฐ เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการใช้จ่ายงบประมาณ พิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ พิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เพื่อลดภาระการลงทุนจากงประมาณแผ่นดินและการกู้เงินภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศ

ศึกษาความเป็นไปได้ของการปฏิรูประบบภาษี ไปสู่แบบ Negative Income Tax สร้างรายได้ใหม่ ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี(Underground Economy) ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบภาษีให้ทันสมัย

ผลักดันกฎหมายที่เอื้อให้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินของโลก (Financial Hub) ปรับบทบาทภาครัฐให้เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุน (Enabler) ผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และผู้กำกับกฎกติกา (Regulator) การปฏิรูปฏิรูประบบราชการและเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับขนาดและกำลังคนภาครัฐให้สอดคล้องกับภารกิจ รวมถึงเน้นใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรภาครัฐเป็นคนดีและเก่ง มีความรู้ความสามารถสูง มีทักษะการคิดวิเคราะห์ ปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีคุณธรรม มุ่งมั่นและมืออาชีพ โปร่งใส และตราจสอบได้

2) การยึดมั่นในหลักนิติธรรม (Rule oflaw) และความโปร่งใส (Transparency) สร้างควชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้มีการแผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะของรัฐ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ เน้นการมีส่วนร่วมภาคประชาชน

3) การลดกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น (Ease of Doing Business) เพื่อไม่ให้ภาครัฐเป็นอุปสรรคของภาคธุรกิจหรือขัดขวางการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม